‘บิ๊กตู่’ รับ​ไทยเจอความเสี่ยงเศรษฐกิจ​ ต้องสร้างความเชื่อมั่น​ รุกตลาดใหม่​-ส่งเสริมเอสเอ็มอี​ 

เมื่อเวลา​ 15.30​ น.​ วันที่​ 14 สิงหาคม​ ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เพื่อเสนอข้อเสนอของภาคเอกชนต่อรัฐบาล สำหรับเป็นกรอบการทำงานร่วมกัน รวมทั้งยังเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่มาจากมุมมองของภาคเอกชนประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกให้ประเทศเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสนทนาด้วย

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณภาคเอกชนทั้ง 3 สถาบันที่ได้มอบข้อเสนอให้กับรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางและนโยบายของรัฐบาลรวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ โดยไปพิจารณาเพื่อดำเนินการตามความเหมาะสม เชื่อมั่นว่า กกร.จะทำงานร่วมกับรัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อช่วยกันหาแนวทางและวิธีการทำงานภายใต้สถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากสงครามการค้า แม้แต่ประเทศสิงคโปร์ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมได้ประกาศลดการคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำปี 2019 ลงมาอยู่ที่ 0-1% จากเดิมที่เคยประกาศว่าจะสามารถโตได้ราว 1.5-2.5% โดยเป็นการปรับลดคาดการณ์ครั้งที่ 2 ของปีนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจสิงคโปร์เคยเติบโตถึง 3.2% ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จีดีพีในช่วงไตรมาสสองยังมีการขยายตัวจากปีที่แล้วเพียง 0.1% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีของสิงคโปร์ รัฐบาลและเอกชนไทยต่างทราบดีถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญเช่นกัน จึงหารือแนวทางในการผนึกกำลังกันสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า รัฐบาลจะดำเนินการให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนทุกกลุ่มและประเทศชาติให้มากที่สุด รวมถึงการดูแลในเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้

Advertisement

“ยืนยันว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินร่วมกับคณะรัฐมนตรี ก็กำลังขับเคลื่อนไปตามแนวทางที่กำหนดไว้ร่วมกัน รวมทั้งให้สร้างตลาดใหม่ที่ยังไม่มีการแข่งขันกันมากนัก เช่น การส่งเสริมในเรื่องของ SMEs ที่ประเทศไทยสามารถผลิตในต้นทุนต่ำและไม่ใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก สามารถแข่งขันได้ โดยมีเป้าหมายผลิตสำหรับประชาชนผู้มีรายได้เข้าถึงสินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก ทั้งนี้ ขอความร่วมมือภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพราคาไม่แพงจนเกินไปให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสเข้าถึงสินค้าและบริการเหล่านั้นเช่นเดียวกันประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ของประเทศด้วย เพื่อช่วยกันยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ กกร.ได้ยื่นข้อเสนอของภาคเอกชนต่อรัฐบาล มี 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การเสริมสร้างความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ยกระดับการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในระดับต่าง ๆ 2. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภาคเอกชน 3. การพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ 4. สนับสนุนโครงการที่สำคัญของภาครัฐให้ดำเนินการต่อเนื่อง 5.เสริมสร้างธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคม และ 6. ยกระดับทักษะ ความรู้และคุณภาพชีวิตทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้ กกร. ยังพร้อมสนับสนุนและจะร่วมมือกับรัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image