‘ยุทธเลิศ’ ชี้ ไทยแพ้ชาติอื่นเพราะลุงหวั่นคนรุ่นหลานทำนู่นนี่พัง ยันหมดยุคปกครองด้วยความกลัว

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่วอยซ์ สเปซ ถนนวิภาวดี รังสิต มีการจัดเสวนา “วาระฝ่ายค้าน มุมมองสะท้อนปัญหาประเทศ กับ 3 ขุนพลทางความคิด”

ในตอนหนึ่ง นายยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง กล่าวว่า ศิลปะของเราไม่ได้อยู่ในฝีแปรง แต่อยู่ที่ความคิดอันเป็นอิสระ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่มีอิสระจะทำงานศิลปะไม่ได้ดี หากสังเกตจะเห็นว่าประเทศเผด็จการหรือคอมมิวนิสต์แทบจะไม่มีศิลปะ เพราะศิลปินเป็นกลุ่มคนที่ควบคุมลำบาก เอาเรื่องปากท้องไปคุยได้ลำบาก กลุ่มคนที่มีความคิดแบบนี้ชอบฝังตัวอยู่ในศิลปิน ถ้าฝังในนักร้องก็ออกมาเป็นเพลง ฝังในจิตรกรก็ออกมาเป็นภาพวาด ของผมฝังตัวในแนวสร้างเรื่องจึงออกมาเป็นหนัง เขาต้องปิดโรงหนังถึงจะหยุดได้ แม้จะยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการของการเรียกร้องประชาธิปไตยแบบสุดโต่ง เพราะส่วนตัวมองว่า ต่อให้มีเผด็จการที่ครองมา 5 ปี ก็ยังไม่มีผลกระทบ ยังทำหนังได้ แต่ช่วงหนึ่งที่ออกไป เพราะเริ่มเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกักขังตัวเองด้วยความคิดที่เขาไม่ได้กักขังเรา เป็นการขังตัวเองเพราะเชื่อว่าเผด็จการดี อย่างเช่นเพื่อฝูง ครั้งแรกทหารเข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อฝูงเห็นดีเห็นชอบ ยังทำหนังได้เพราะทหารไม่ได้อยู่ในหนัง แต่สักพักเหตุการณ์จบไม่ดี มีการเลือกตั้งใหม่ มีการโกง ไม่เหมือนอย่างที่เพื่อนต้องการ แต่เพื่อนก็ยังยืนยังเชื่อแบบเดิมอยู่ จึงรู้สึกว่าไม่ใช่ เพราะไม่ได้เอาปืนจ่อหัวให้ชอบ แต่ดันเห็นดีเห็นงามกับเขา

“ถ้าคุณชอบบิ๊กตู่เพราะได้ผลประโยชน์ หรือเป็นญาติก็เมกเซนต์ แต่เพื่อนที่มาด่าเรา แล้วยืมเงินเราด้วย อย่างนี้ไม่ใช่ เขาไม่ใช่ลุงคุณ คุณไม่ใช่หลานเขา แต่ผมเพื่อนคุณ

“ผมกลับไปคิดว่าจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าลงถนน 99 ศพ เขาก็ยิงมาแล้ว มันไม่มีประโยชน์ รวมกลุ่มนั่งเมาธ์ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สิ่งที่จะเปลี่ยนได้ไม่ใช่การไปปิด ที่เปลี่ยนได้ทุกอย่างจริงๆ คือเปลี่ยนความคิด ฉะนั้นอย่าไปไล่นายกฯออก แต่เปลี่ยนความคิดของคนไทยให้ได้ก่อน เปลี่ยนความคิดจากซ้ายหรือขวา มาเป็นถูกและผิด เพราะการเมืองที่ถูกที่สุดคือ Right and Wrong

Advertisement

“ด้วยความจริงใจ ผมกับ พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่รู้จักกัน เรารู้จักกันผ่านสื่อด้วยความเกลียดชัง เราต้องเริ่มดูก่อนว่าเรื่องเริ่มจากตรงไหน กฎหมายอเมริกาบอกว่าใครต่อยก่อนคนนั้นผิด ถ้าจะพูดถึงเรื่องบ้านเมืองจริงๆ รัฐบาลถอยเป็นหรือไม่ ปัญหาอยู่ตรงนี้ ถอยคนละก้าว ไม่ใช่แต่จะให้อีกฝั่งถอย เราคิดแบบเดิมไม่ได้ เพราะโลกโซเชียล ยุคดิจิทัล ความคิดเดิม ความคิดเก่า ถูกชะล้างไปขนาดไหน คนรุ่นใหม่ขึ้นมา เราปกครองด้วยความกลัวไม่ได้อีกแล้ว เราต้องปกครองแบบคุณเป็นลุงเรา และเราเป็นหลานคุณจริงๆ เพราะประเทศเราหากินได้ตลอด แต่เราแพ้ประเทศอื่น เพราะความคิดว่าหลานของเราจะมาพังนู่นพังนี่มากกว่า” นายยุทธเลิศกล่าว

อ่านข่าว : วงเสวนา‘วาระฝ่ายค้าน’สะท้อนปัญหาประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image