ศรีสุวรรณจ่อร้อง ป.ป.ช. สอบ ส.ส. ‘กร่าง’ ขัดรัฐธรรมนูญ ชี้ กม.ตำรวจไม่มีหน้าที่อารักขา ส.ส.
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า จากกรณี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ปะทะคารมกับรอง ผกก.ป.สภ.กะรน จ.ภูเก็ต มีการเผยแพร่คลิปในสังคมโซเชียลเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น เนื้อหาในคลิป รองผู้กำกับตอบข้อกฎหมายได้ถูกต้องแล้ว กรณีการก่อสร้างอาคารไม่ถูกต้อง เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วถ้าไม่รื้อถอนก็มีมาตรการบังคับ ต้องไปจ่ายค่าปรับต่อศาลเป็นรายวัน หรือนายกเทศมนตรีฯ จะนำกำลังไปรื้อถอน โดยเจ้าของอาคารต้องจ่ายค่ารื้อถอนแบบเดียวกับที่ทำที่รีสอร์ตภูทับเบิก เมื่อรองผู้กำกับตอบคงสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.เพราะคงเสียหน้า ที่พูดกฎหมายผิดจะให้ตำรวจไปจับอ้างเป็นความผิดซึ่งหน้า เมื่อเสียหน้าจึงกล่าวหาว่าตำรวจไม่มาดูแลอารักขารักษาความปลอดภัยท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า อำนาจหน้าที่ตำรวจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 6(1) บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ตำรวจมีอำนาจหน้าที่ คือรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะเท่านั้น ไม่มีข้อความไหนที่บัญญัติให้มาทำหน้าที่อารักขา ส.ส.ผู้ใด แต่หาก ส.ส.คิดว่าการไปทำงานแล้วไม่ปลอดภัย ถูกขู่ฆ่าหรือเป็นพยานในคดีอาญา ก็สามารถขอความคุ้มครองได้ตามระเบียบ สตช.ว่าด้วยการกำหนดแนวทางปฏิบัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2548 แต่ถ้าคิดว่าไม่ปลอดภัย ต้องการตำรวจอารักขาก็ยังสามารถยื่นคำร้องต่อผู้บัญชาการภาค หรือสันติบาล ขอกำลังตำรวจอารักขาได้ ผู้บัญชาการจะพิจารณาเหตุผลส่งตำรวจชั้นประทวนไปอารักขาไม่เกิน 2 คน ตามคำสั่ง สตช.ที่ 38/2548 เรื่อง การให้ความคุ้มครองบุคคล
“อย่าอ้างว่า ส.ส.มาทำเพื่อชาติ คนอื่นเขาก็ทำเพื่อชาติเช่นกัน ชาวนา ชาวไร่ พ่อค้า นักธุรกิจ สร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากมายก็ทำเพื่อชาติ และไม่ขอให้ตำรวจตั้งขบวนดูแล เพราะหากตามใจ ส.ส.มากเกินไปตำรวจก็อาจเข้าข่ายความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ตามมาตรา 79(1) พ.ร.บ.ตำรวจ 2547 ได้ การแสดงออกและหรือการกระทำของ ส.ส.ดังกล่าวที่เรียกร้องให้ตำรวจต้องมาดูแลอารักขารักษาความปลอดภัยนั้น ถูกสังคมไทยวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก
และส่อที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 และอาจเข้าข่ายการรับประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และอาจเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ซึ่งเป็นข้อห้ามในมาตรฐานทางจริยธรรมโดยชัดแจ้งได้ สมาคมจะไปร้องเรียน ป.ป.ช.ให้ไต่สวนและมีความเห็นในเรื่องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ป.ป.ช.ต่อในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 น.ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ปากเกร็ด นนทบุรี” นายศรีสุวรรณกล่าว