ล่าสุด อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. บอกว่า กกต.เตรียมกำลังคน กฎหมายท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องและงบประมาณไว้แล้ว รอเพียงสัญญาณจากรัฐบาลจะให้เริ่มมีการจัดเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อไหร่ ขณะที่ นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลยังไม่ได้หารือเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่น รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยยังไม่ได้วางปฏิทินการเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต.และ ครม.จะพิจารณาร่วมกัน
“ส่วนตัวเชื่อว่า ต้องรอให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ผ่านสภาก่อน โดย กกต.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดเลือกตั้ง 400 ล้านบาท เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นต้องใช้งบประมาณ หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภาในเดือนตุลาคมนี้ และสามารถผ่านการพิจารณาได้เรียบร้อย ก็คาดว่าเริ่มใช้งบประมาณใหม่ได้ในเดือนมกราคม 2563 แต่ถ้า กกต.มีงบประมาณสำรองสามารถจัดการเลือกตั้งได้”
อัษฎางค์ ปาณิกบุตร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ให้ความเห็นว่า สาเหตุที่รัฐบาลยังไม่เดินหน้าเลือกตั้งท้องถิ่น มาจากไม่มั่นใจว่าตัวบุคคลที่พรรคแกนนำรัฐบาลส่งสมัครจะได้รับเลือกหรือไม่ หรืออาจต้องใช้เงินทุนค่อนข้างมาก เหมือนการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนผู้สมัครหรือกลุ่ม เป้าหมาย เพราะทัศนคติในการเลือกตั้งยังหนีไม่พ้น เงินไม่มา กาไม่เป็น ไม่มีใครเกรงกลัว กกต. ทั้งที่กฎหมายซื้อเสียงมีโทษค่อนข้างสูง รัฐบาลจึงหาโอกาสซื้อเวลาไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างผลงานและประคับประคองให้อยู่รอดจากเสียงปริ่มน้ำ ถือว่าน่าละอายมากที่ไม่ดำเนินการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ ทั้งที่ปัจจุบันควรประกาศวันเลือกตั้งท้องถิ่นให้ชัดเจน ส่วนตัวเชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ก็ไม่ได้เลือก เพราะรัฐบาลไม่ได้เห็นด้วยกับการ กระจายอำนาจ ไม่มีความจริงใจ ไม่เอาใจใส่ คนในรัฐบาลไม่เคยพูดถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น แม้แต่พรรคพลังท้องถิ่นไทก็เงียบ
ที่ผ่านมาปล่อยให้สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นทำงานครบตามวาระปกติ 4 ปี มีของแถมจากคำสั่งมาตรา 44 ให้รักษาการรวมแล้ว อยู่ได้นาน 6-7 ปี โดยไม่ต้องลงทุนอะไร ไม่ต้องออกไปหาเสียง ไม่มีนโยบายใหม่ๆ บางพื้นที่ประชาชนก็เบื่อหน่าย ทั้งที่การเลือกตั้ง อปท.ทั่วประเทศถือเป็นกระตุ้นจีดีพีได้ดีกว่าการใช้โครงการประชานิยมแจกเงินไปเที่ยว หรือบังคับให้ อปท.นำเงินสะสมมาใช้จ่ายทำโครงการ แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้คิดว่าการเลือกตั้งจะทำให้มีการจ้างงาน หรือมีเงินทุนไหลเวียน
ทั้งนี้ในระหว่างที่เหล่านักการเมืองท้องถิ่นรอดูสัญญาณควันของรัฐบาลจะมาเมื่อไหร่ พบว่ามีหลายคนชิงเปิดตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว รอเพียงพรรคการเมืองประกาศรายชื่อผู้สมัคร โดยเฉพาะผู้สมัครนายกและสมาชิกสภา อบจ.ที่คาดว่าจะถูกให้จัดเลือกตั้งก่อน
ที่ จ.นครราชสีมา นพ.สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา ที่วันนี้นั่งเป็น ผู้ช่วย รมว.สาธารณสุข เปรยว่า ขอทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน ส่วนจะลงสมัครเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมาเป็นเรื่องของอนาคต การเลือกตั้งท้องถิ่นยังไม่มีความชัดเจนใดๆ แต่หากถามถึงความตั้งใจจริง ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาทำงานให้กับท้องถิ่นอีกครั้งในนามพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ ดร.สาธิต ปิติวรา ผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ พร้อมเป็นตัวแทนชิงนายก อบจ.นครราชสีมา แสดงความมั่นใจว่า ประชาชนทั้ง 32 อำเภอจะเทเสียงหนุนอนาคตใหม่ให้มีที่ยืนในสนามท้องถิ่น
ส่วน ดร.วัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ หรือเสี่ยจิ๋ว แกนนำกลุ่มคนโคราชเลือดใหม่ อดีตผู้สมัคร ส.ส เขต 11 พรรคไทยรักษาชาติ ก็ได้รับการหนุนสุดตัวจาก ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมเคาะเป็น ผู้สมัครในสังกัด พท. นอกจากนี้ยังมี สมศักดิ์ กาญจนวัฒนา ของพรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัครหน้าใหม่ที่กำลังเร่งทำการบ้านอย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นที่รู้จักของชาวบ้าน
ขึ้นไปที่ จ.เชียงใหม่ ถาวร เกียรติไชยากร อดีต ส.ว.เชียงใหม่ น้องชาย สุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ 8 สมัย ในฐานะว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ สมัยหน้า ได้ลงพื้นที่หาเสียงมา 5-6 เดือนแล้ว เสียงตอบรับค่อนข้างดี ส่วนทีมผู้บริหาร ว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ. 42 เขต รวม 25 อำเภอ และนโยบายหาเสียงพร้อมเกือบ 100% แล้ว โดยลงสมัครกลุ่มการเมืองท้องถิ่นแบบอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมือง เพื่อเป็นทางเลือกประชาชน
ขณะที่ ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ ส.ว.ก๊อง อดีต ส.ว.เชียงใหม่ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ก็แสดงความพร้อมแล้วเช่นกัน อาศัยลงพบปะชาวบ้านให้มากที่สุดเพื่อนำเสนอนโยบายการพัฒนาจังหวัด
ส่วน บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เลือกตั้งท้องถิ่นเที่ยวนี้ขอใช้ชื่อกลุ่มท้องถิ่น ไม่สังกัดพรรคการเมือง ให้ประชาชนมีอิสระตัดสินใจ ส่วนผู้บริหารและว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล 4 แขวง 24 คน ได้วางตัวครบ 100% แล้ว
ขณะที่สนามนายก อบจ.ชลบุรี จัดว่าระอุทีเดียว เพียงแค่พรรคอนาคตใหม่ก็มีถึง 3 ว่าที่ผู้สมัคร ที่อยากเป็นตัวแทนพรรคชิงนายก อบจ. หนึ่งในนั้นคือ จิรวุฒิ สิงห์โตทอง หรือ ส.ส.เป้า อดีต ส.ส.ชลบุรี ที่กล่าวว่าขึ้นอยู่กับทางพรรคจะพิจารณาเลือกใคร เชื่อว่าพรรคอนาคตใหม่จะให้มีการรวมทีมกันมากกว่าหากใครชนะก็ตาม ที่สำคัญทุกกลุ่มได้มาทำความเข้าใจกันแล้วน่าจะตกลงกันได้
ส่วนซีกพรรคพลังประชารัฐที่ชลบุรีนั้น สุชาติ ชมกลิ่น หรือ ส.ส.เฮ้ง ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่าก่อนหน้านี้ได้หารือกับ สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา รวมทั้ง วิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี ตกลงกันแล้วว่าจะใช้ชื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามกลุ่มเรารักชลบุรี เพราะทำการเมืองมานานกว่า 20 ปี ชาวชลบุรีรู้จักกันดีอยู่แล้ว หากใช้ชื่อพรรคพลังประชารัฐ หลายคนอาจจะมามองว่าห่างไกลจากความรู้สึกของคนชลบุรี เหมือนไม่ใกล้ชิด โดย วิทยา คุณปลื้ม จะขอลงสมัครรับเลือกตั้งชิงนายก อบจ.ชลบุรีอีกสมัย
มาที่สนาม อบจ.ปทุมธานี เพื่อนบ้านกรุงเทพฯ มีความชัดเจนแล้วว่า พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือบิ๊กแจ๊ด อดีต ผบช.น. พร้อมสวมเสื้อพรรคเพื่อไทยลงชิงชัย
ขณะที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เหมือนที่เคยทำมาตั้งแต่วันที่ก่อนตั้งพรรคได้แจ้งกับพี่น้องชาวใต้หลายจังหวัดทั้งนครศรีธรรมราช พัทลุง สตูล และสงขลา ที่แวะเวียนไปรับทราบปัญหาความเดือดร้อนและข้อเสนอเพื่อนำตั้งกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนฯ ด้วยว่า ทางพรรคกำลังพิจารณาหานักการเมืองท้องถิ่นของตัวเองเพื่อลงชิงสนาม อบจ. แต่คงไม่ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยภาคใต้จะมีผู้สมัครนายก อบจ.ลงแข่งขันเพียง 2-3 จังหวัดเท่านั้น
พรรคอนาคตใหม่จัดวางไว้ว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ จะเปิดโผผู้ลงสมัครนายก อบจ.มีที่ไหนบ้าง
ส่องกล้องมายังสนามท้องถิ่นสงขลา มีว่าที่ผู้สมัครเปิดตัวแล้ว 4 ทีม เริ่มจาก พล.ต.ท.สาคร ทองมุนี อดีต ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), พ.อ.(พิเศษ)สุชาติ จันทรโชติกุล ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานภาคใต้จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), ร.ต.ต.สมศักดิ์ แสงประดับ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่อยู่ระหว่างเสนอตัวกับพรรคการเมืองหนึ่งในการลงสมัคร
และล่าสุดมีว่าที่ผู้สมัครอิสระ อีก 1 คน คือ วชิรวิทย์ ภัสระ ที่เปิดตัวผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์
ถือเป็นกำไรของชาวสงขลาที่จะมีโอกาสดูตัวผู้สมัครเหล่านี้
ใครมีนโยบายที่เหมาะกับสงขลาเวลานี้ นั่นคือคนที่ใช่ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้สมัครที่มีพรรคการเมืองใหญ่ให้การสนับสนุน
