เอนก เขียนถึงฮ่องกง แปลกใจ คนหนุ่มสาว ไม่จำอดีตอันละโมภ หยามเหยียดจีนของฝรั่ง

เอนก เขียนถึง “ฮ่องกง: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต” แปลกใจ ทำไมคนหนุ่มสาว ไม่จำอดีตอันละโมภ หยามเหยียดจีนของฝรั่ง

วันนี้ (23 ส.ค.) นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคร่วมพลังประชาชาติไทย (รปช.) อธิการวิทยาลัยบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟสบุ๊ก เอนก เหล่าธรรมทัศน์ Anek Laothamatas เรื่อง “ฮ่องกง: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต” ใจความว่า

ถามกันมาว่า ฮ่องกงที่มีการประท้วงกันมาหลายเดือนนั้นจะลงเอย อย่างไร ? จีนจะปราบปรามแบบ “เทียนอันเหมิน” ไหม? ฮ่องกงจะแยกตัวออกจากจีนไหม ? บางคำถามผมตอบได้ บางคำถามตอบไม่ได้ ขอเริ่มตอบว่าฮ่องกงนั้นเป็นรอยแผลแรกที่จักรวรรดิบริเตน หรืออังกฤษ กรีดลงบนหัวใจคนจีนผู้รักชาติและภูมิใจในอารยธรรมอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่

ฮ่องกงนั้นประกอบด้วยสามเขตย่อย คือ เกาะฮ่องกง คาบสมุทรเกาลูน และอาณาบริเวณใหม่หรือ New Territory ที่อยู่เหนือเกาลูนลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่

Advertisement

เกาะฮ่องกงเสียให้แก่อังกฤษปี 1842 ตรงกับรัชกาลที่ 4 ต้นเหตุมาจากเรื่องฝิ่น คืออังกฤษลักลอบส่งฝิ่น อันเป็นยาเสพติดร้ายแรง จำนวนมหาศาล เข้ามาขายในจีน ซึ่งผิดกฏหมายของจีนอย่างโจ่งแจ้ง อังกฤษซึ่งสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนและการเคารพหลักนิติธรรมเอาเข้าจริง ต้องการแต่เงิน ไร้ยางอาย มองไม่เห็นว่าคนจีนที่ติดฝิ่นก็ล้วนเป็นเพื่อนมนุษย์ และฝรั่งอีกชาติหนึ่ง คืออเมริกา ดินแดนเสรีประชาธิปไตย ก็ส่งฝิ่นจากตุรกีเข้าไปขายในจีนเป็นล่ำเป็นสันเช่นกัน เศรษฐีฝิ่นชาวอเมริกันที่ร่ำรวยมากคนหนึ่งก็คือปู่ทวดของประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี โรสเวลท์ นั่นเอง ตกปี 1839 รัฐบาลจีนทนเห็นคนเรือนล้านของตนติดฝิ่นงอมแงมต่อไปไม่ไหว จับกุมฝรั่งที่ลักลอบนำเข้าฝิ่น หรือขายฝิ่น อย่างเด็ดขาด เผาทำลายฝิ่นทิ้งมหาศาล เป็นเหตุนำมาสู่สงครามฝิ่นที่รบเกือบสามปี จบลงในปี 1842 ด้วยความพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูของฝ่ายจีน หลังสงครามฝิ่นก็ยังนำเข้าและขายได้ต่อไป แถมจีนยังต้องยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษ และต้องยอมเปิดเมืองท่าให้ตะวันตกค้าอย่างเสรี ยอมทำสนธิสัญญาไม่เสมอภาค อธิบายได้ว่า คนอังกฤษหรือบริเตนที่ทำผิดในประเทศจีน จากนี้ไปไม่ต้องชำระความด้วยกฏหมายจีน ไม่ต้องไปขึ้นศาลจีน ซึ่งก็คล้ายกับสนธิสัญญาบาวริ่งที่อังกฤษบีบให้สยามเซ็นในปี 1885 ที่น่าสนใจคือ ก็เซอร์จอห์น บาวริ่ง ผู้ที่มาเซ็นกับสยามนั้น คือข้าหลวงเกาะฮ่องกงของบริเตนนั่นแหละ เราจึงเซ็นสนธิสัญญาไม่เสมอภาคกับฝรั่งหลังจีนราวสี่สิบปีครับ

จากนั้นในปี 1860 จีนที่อ่อนปวกเปียกก็ถูกอังกฤษยึดเกาลูนไปรวมกับเกาะฮ่องกง และ ในปี 1898 ตรงกับรัชกาลที่ 5 จีนที่ยังตกต่ำลงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้ ก็จำต้องยก New Territory ให้กับอังกฤษไปอีก มหาอำนาจตะวันตกทั้งหลายพากันรุม “กินโต๊ะ” จีนอย่างเมามัน ประเทศจีนเจียนอยู่เจียนไป ถูกยึดดินแดนนั้น เสียดินแดนนี้ ไปเรื่อยๆ และ ที่สำคัญที่สุด ตั้งแต่ ปี 1937 ญี่ปุ่น ชาติซึ่งเคยรับเอาศาสนาและอารยธรรมมาจากจีนมาเป็นพันปี ก็ก่อสงครามใหญ่และเข้ายึดดินแดนฝั่งตะวันออกของจีนไว้ได้หมด หากไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นอย่างไม่มีวันยอมจำนน และรวมประเทศได้สำเร็จเมื่อปี 2492 แล้ว ป่านนี้ฮ่องกงก็อาจจะตกเป็นของญี่ปุ่นไป หรือยังคงเป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ คนฮ่องกงนั้นไม่เคยมีสิทธิในการเลือกตั้งตลอดเวลาอันยาวนานที่ฝรั่งปกครอง และ ผู้ว่าราชการ หรือข้าหลวงใหญ่ที่ปกครองฮ่องกงนั้น ส่งมาจากลอนดอนโดยไม่ต้องไถ่ถามว่าคนพื้นที่นั้น รู้จักไหม ชอบไหม รับได้ไหม การจลาจลหรือประท้วงหากเกิดขึ้น ก็จะถูกตำรวจอาณานิคมจัดการอย่างรวดเร็ว และบางครั้ง อย่างรุนแรง เสียด้วย

น่าแปลกใจ ที่ผู้ประท้วงรุ่นหนุ่มสาวในเวลานี้ ดูเหมือนจะไม่รู้ ไม่ซึมซับเอาเสียเลยว่าการเกิดขึ้นของอาณานิคมฮ่องกงนั้นคือความอัปยศของชาติจีน ยิ่งกว่านั้น พวกเขายกย่องบูชาความคิดและสถาบันของฝรั่งไม่ว่าอังกฤษหรืออเมริกา โดยไม่จำอดีตอันละโมภ ก้าวร้าว หยามเหยียด ของพวกเขา เสียเลย ความคิดฝรั่งนั้นว่าไปก็เหมือนกับเหรียญสองด้าน นี่ก็เป็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญ ซึ่งเป็นด้านลบ และผมไม่แน่ใจว่าด้านไหนใหญ่กว่าด้านไหน ด้านไหนจริงกว่าด้านไหน และ ด้านไหนกำหนดด้านไหนกันแน่

Advertisement

ผมตอบได้อย่างแน่ใจว่า จีนจะไม่มีวันยอมให้ใครก็ตาม ทำการนานสักเพียงใด ใช้วิธีการสุดพิศดารจะปานใด มาชักนำฮ่องกงให้แยกตัวออกไปเป็นอันขาด อย่าลืมว่าคนจีนจำนวนหลายล้านคนทั่วประเทศ ได้หลั่งเลือดพลีชีพตั้งแต่ปี 1911 จนถึง 1949 และ หลังจากนั้น ก็ยังทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างจนถึงปี 1984 จึงได้เห็นวันเวลาที่ฮ่องกงจะหวลคืนมา และต้องย้ำว่า ก็ด้วยความเพียรพยายามของเติ้งเสี่ยวผิงเป็นพิเศษนั่นเอง ที่ ทำให้อังกฤษต้องยอมคืนฮ่องกงทั้งสามเขตให้กลับสู่มาตุภูมิในปี 1997 ซึ่งเติ้งเสี่ยวผิงนั้นอยากอยู่จนได้เห็นฮ่องกงกลับคืนมา น่าเสียดาย ท่านถึงแก่อสัญกรรมไม่กี่เดือนก่อนที่ธงยูเนียนแจ๊คของบริเตนจะถูกเชิญลง และ ธงห้าดาวของจีนจะถูกเชิญขึ้นไปแทน

สุดท้าย ผมไม่อาจบอกได้ครับว่าจีนจะใช้หรือไม่ใช้ความรุนแรงมาสยบการประท้วงและการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้แต่หวังว่ารัฐบาลจีนจะไม่ส่งกองทัพเข้ามาฮ่องกง จะไม่ใช้ความรุนแรงแบบ ”เทียนอันเหมิน” มาเป็นคำตอบ บางครั้ง ความยืดเยื้อ ความอดกลั้น อาจจะเป็นการปูทางลงให้การเคลื่อนไหวยุติได้ หวังว่าจีนจะรอบคอบ ทำอะไรที่ควรทำ และไม่ทำอะไรที่ไม่ควรทำ ส่วนตัวแล้วผมอยากเห็นฮ่องกงกลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีของคนไทยและคนทั้งโลกต่อไป ครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image