จุรินทร์ สั่งตั้งวอร์รูม-รบ.ฉวยจังหวะ ดึงนักลงทุนเจอผลกระทบสงครามการค้า มาลงทุนไทย

รัชดา เผย รัฐบาลเตรียมพร้อมรับการหันเหลงทุน จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ เชื่อเปลี่ยนความไม่แน่นอน เป็นโอกาส

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้นนั้น นำไปสู่ผลกระทบทั้งด้านบวกและลบซึ่งรัฐบาลนับแต่เข้าบริหารประเทศได้มีการดำเนินการหลายอย่างไปแล้ว เพื่อรองรับการหันเหทางการค้าและการลงทุน ด้านการค้าที่จะเป็นผลด้านบวกคือสืนค้าไทยมีโอกาสส่งออกไปทดแทนสินค้าสหรัฐในจีน หรือสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐ ถือเป็นโอกาสสำหรับสินค้าเกษตรและอาหาร อย่างไรก็ตามกลุ่มสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า จะได้รับผลกระทบ

ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการ 1.ตั้งทีมวอร์รูม (War Room) ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์สงครามการค้าและเสนอแนวทางรับมืออย่างทันท่วงที มีคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนด้านพาณิชย์เพื่อจะได้ผลักดันการส่งออกเป็นรายกลุ่มสินค้าและรายตลาด 2.ทำRoad show สินค้าไทยต้องทำอย่างมีเป้าหมายเพื่อเจาะตลาดสหรัฐและจีน รวมถึงขยายตลาดใหม่ไปยังอินเดีย ตะวันออกกลางและอาเซียน 3.บูรณาการการทำงานของทูตพาณิชย์และทูตเกษตร นับเป็นครั้งแรกที่สองหน่วยงานจะขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าเกษตรไปพร้อมๆกัน 4.ขับเคลื่อนการเจรจาการค้าทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคี อีกประการหนึ่ง การหันเหทางการค้าอาจนำไปสู่การทะลักของสินค้าเข้าไทย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องนี้แล้วโดยจะใช้กลไกพ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากต่างประเทศเป็นเครื่องมือในการดูแลผู้ประกอบการไทย

น.ส.รัชดา กล่าว่า ในส่วนของการหันเหทางการลงทุน คาดว่าจะเป็นผลกระทบด้านบวกต่อไทย เพราะจะมีนักลงทุนที่คิดย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐและจีน โดยเฉพาะนักลงทุนที่จะย้ายออกจากจีน เช่นนักลงทุนสหรัฐ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ณ เวลานี้ มีจำนวน 10 รายที่ตัดสินใจจะมาลงทุนในไทย เช่น บริษัท Ricoh บริษัท Delta และคาดว่าจะมีเพิ่ม เพื่อดึงดูดนักลงทุนกลุ่มนี้ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ได้มอบหมายให้ BOI ไปดูแล ซึ่งจะดำเนินการสามเรื่องคือ 1) ออกมาตราการที่มากกว่าสิทธิพิเศษด้านภาษีเพื่อดึงการลงทุนมาไทย 2)ตั้งทีมเฉพาะกิจดึงนักลงทุนต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโดยตรง 3)จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป โดยให้ภาคเอกชนและสถาบันการเงินเข้าร่วม เพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการอนุมัติ

Advertisement

“ที่กล่าวมานี้เป็นการดำเนินการของส่วนงานหลักที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบสงครามการค้าโดยตรง ยังมีงานด้านอื่นๆที่รัฐบาลขับเคลื่อนคู่กันไป เช่น การเสริมศักยภาพและการลดต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและเกษตร รวมถึงการส่งเสริมทักษะแรงงานและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนที่จะเข้ามาเพิ่ม แม้จะมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก แต่แนวทางที่ได้ทำและที่จะทำต่อไปจะนำไปสู่โอกาสเพิ่มศักยภาพในการส่งออก ยกระดับฐานการผลิต ส่งเสริมการถ่ายโอนความรู้ และเพิ่มการจ้างงาน” น.ส.รัชดา กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image