เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างมาก อีกทั้งสถานการณ์ในฮ่องกงอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความถดถอยของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง Inverted Yield Curve เป็นสัญญาณอันตายที่แสดงว่า โลกอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
นายพิชัยกล่าวว่า ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมและหาบุคคลากรที่รู้เรื่องเศรษฐกิจจริงเข้ามา บริหาร หลังจากที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำมา 5 ปี
“ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ยืนยันว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างดี พร้อมกับพูดถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรม และ ในระยะยาวต้องมีการลงทุน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่ทราบว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1760-1850 หรือ 169-259 ปีมาแล้ว ในสมัยที่ เจมส์ วัตต์ คิดค้นกลจักรไอน้ำได้ ซึ่งน่าจะเป็นการพูดเรื่องที่ยัอนยุคอย่างมาก ดังนั้น จึงขอแนะนำว่า ปัจจุบันนายกฯ จะต้องศึกษาและเข้าใจดีในเรื่องดังนี้ เช่น Disruption, Inverted Yield Curve, Libra, 0% interest 30 years German bond, Hong Kong impact ฯลฯ” นายพิชัย กล่าวและว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ มั่นใจว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจดี ตนจะขอสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ออกอากาศช่องไหนก็ได้ และจะส่งคำถามให้ก่อนเพื่อเตรียมตัว
นอกจากนี้ นายพิชัยกล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความรู้และเข้าใจดีว่าในระยะยาวประเทศต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนา อยากถามว่า 5 ปีที่ผ่านมา เหตุใดการลงทุนไทยหดหาย เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ ขยายได้เพียงร้อยละ 2.3 เท่านั้น ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
“หากเศรษฐกิจโลกถดถอยจริง เศรษฐกิจไทยจะยิ่งย่ำแย่ขนาดไหน ไม่อยากจะนึกเลย เพราะทุกวันนี้ก็มีข่าวว่าคนไทยฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจกันแทบทุกวันแล้ว ที่น่ากังวลยิ่งไปอีก คือ การที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่คิดว่าจะพอรู้เศรษฐกิจบ้าง กลับกล้าโม้ว่าจากมาตรการรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายได้ถึงร้อยละ 3.5 ซึ่งขอยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.6 เท่านั้น ถ้าปีนี้จะขยายถึงร้อยละ 3.5 ครึ่งปีหลังต้องขยายถึงร้อยละ 4.4 ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้” นายพิชัยกล่าว
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากนายอุตตมมั่นใจว่าสามารถทำได้อย่างที่พูด ก็ควรจะรับผิดชอบด้วยตำแหน่ง ซึ่งมั่นใจว่าหากเดิมพันด้วยตำแหน่ง ประเทศไทยได้เปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลายปีนี้แน่นอน หรือแค่ประกาศไตรมาส 3 ก็จะรู้แล้วว่าไม่มีทาง ซึ่งหากนายอุตตมสามารถทำได้จริง จะไม่วิจารณ์นายอุตตมอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือคดีธนาคารกรุงไทย
“ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ขยายตัวได้ร้อยละ 2.3 คนที่ฉลาดและรู้เศรษฐกิจบ้างจะพูดน้อยๆ หรือไม่พูดเลย ดังจะเห็นได้ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หลังจากโยนเศรษฐกิจแย่ๆ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็เก็บตัวเงียบ และพูดน้อยมาก ดังนั้น จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดูนายสมคิดเป็นตัวอย่าง ซึ่งได้แนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าไม่รู้จริง ไม่ควรพูด เพราะจะยิ่งแสดงความไม่รู้มากยิ่งขึ้น” นายพิชัยกล่าว