หน.ทีมเศรษฐกิจ ปชป. ปาฐกถา ดึงนักลงทุนต่างชาติลงทุนในไทย

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Opportunities and Challenges of Thai global players and agriculture industry” ในงาน Thailand Focus 2019 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยมีเนื้อหาหลักที่สำคัญประการแรกคือ รัฐบาลชุดนี้ต่างจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมาเพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประการที่ 2 กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ที่ถือเป็นกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจได้มีการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ เนื่องจากเป็นกระทรวงที่บริหารโดยรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสองกระทรวง ทำให้สามารถขับเคลื่อนงานต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรรม

โดยวันก่อนนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานในการประชุมเพื่อมอบนโยบายทูตพาณิชย์-เกษตร และพาณิชย์จังหวัด เพื่อเชื่อมโยงการปฏิบัติงานของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการทํางานเชิงรุกของทั้งสองกระทรวงแบบบูรณาการร่วมกันจะทําให้มีการช่วยหาตลาดใหม่ให้กับสินค้าไทยได้ดีขึ้น พัฒนาระบบการตลาดนําการผลิตและช่วยฟื้นฟูการส่งออก โดยทูตพาณิชย์เองจะต้องทํางานแบบเชิงรุกโดยการเป็นนักการตลาดเบอร์ 1 ให้กับสินค้าไทย


ประการต่อมาคือการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรให้ชาวนาเป็น “Smart Farmer” มากขึ้นและสามารถเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลผลิต สร้างรายได้พร้อมกับการลดต้นทุน โดยกระทรวงเกษตร ฯ มีโครงการที่จะเข้าไปสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ “Young Smart Farmers” ในการพัฒนาศักยภาพด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันในส่วนของเกษตรกรรุ่นเก่า ในหลายพื้นที่ที่ประสบปัญหาจากภัยแล้ง ภาระหนี้สิน รวมถึงราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ภาครัฐโดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ได้มีมาตรการบรรเทาทุกข์อย่างเร่งด่วนที่จะทยอยออกมาให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างต่อเนื่องทั้งการประกันรายได้เกษตรกรในสินค้าเกษตรหลัก 5 ตัว (ข้าว ปาล์ม ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด) การเร่งทำปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง รวมถึงการสร้างแก้มลิงสำหรับกักเก็บน้ำเพื่อช่วยแก้ปัญหาในระยะยาว

ประการสุดท้ายคือ การเจรจาต่อรองทางการค้าแบบพหุภาคีในภูมิภาคเอเซียที่สำคัญๆ อย่าง RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ซึ่งจะทำตลาดการค้าเสรีกับ 10 ประเทศในอาเซียนและอีก 6 ยักษ์ใหญ่ในเอเซียอย่างจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ มาผลักดันการเติบโตการค้าภูมิภาคที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มแบบทวีคูณให้กับเศรษฐกิจไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นผลสำเร็จของ RCEP ได้ระดับหนึ่งภายในปีนี้ รวมถึงข้อตกลงทางการค้าแบบทวิภาคี FTA (Free Trade Agreement) ซึ่งไทยสนใจที่จะเริ่มพูดคุยกันกับสหภาพยุโรป EU ศรีลังกา ปากีสถาน เพื่อผลักดันการส่งออกให้เติบโตมากขึ้นในอนาคต รวมถึงการรุกทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลหรือจีทูจี (G to G) เพื่อให้จีน ฟิลิปปินส์และอิรักมาซื้อข้าวไทยมากขึ้นก็จะเป็นโอกาสเช่นเดียวกัน

Advertisement

ในตอนท้ายนายปริญญ์ แสดงความเชื่อมั่นว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยจะได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับให้มีแชมป์ระดับโลก หรือ Product Champion ในแต่ละอุตสาหกรรมได้มากขึ้น แบรนด์ไทยจะต้องติดตลาดโลกมากขึ้น แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำการตลาดเชิงสร้างสรรค์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้ประสบความสำเร็จ แต่การเริ่มต้นอย่างถูกวิธีโดยการนำแนวคิด New Technology และ New Economy มาใช้อย่างถูกวิธี จะนำพาประเทศไทยไปถึงเป้าหมายที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และสามารถเรียกความเชื่อมั่น ดึงนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้งาน Thailand Focus ถือเป็นงานใหญ่ที่สุดของปีที่มีนักลงทุนสถาบันต่างชาติรายใหญ่มาร่วมงานมากที่สุด โดยในงานยังมีการปาฐกถาพิเศษจากทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และการบรรยายพิเศษของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ รวมถึงผู้ที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทในการขับเคลื่อนงานทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image