ในมติชนออนไลน์เมื่อไม่กี่วันก่อน มีเรื่องที่เผ็ดร้อนน่าอภิปรายกันให้กว้างขวาง แต่บังเอิญว่าถูกกระแสที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรีกรณีถวายสัตย์มากลบทับจึงเป็นอันว่าประเด็นร้อนนั้นพับลง
นั่นก็คือการจุดประกายความคิดจาก ปิยบุตร แสงกนกกุล กรณีที่เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือเรียก นายโกวิท วงศ์สุรวัฒน์ นักวิชาการชื่อดังไปชี้แจง จากเหตุที่มีผู้กล่าวโทษนายโกวิทว่า ดูหมิ่นศาลและละเมิดศาลรัฐธรรมนูญ
ปิยบุตร แสงกนกกุล ดีกรีดอกเตอร์ทางกฎหมายมหาชน “เกียรตินิยมดีมาก” จากประเทศฝรั่งเศส จุดประกายด้วยคำถาม
ใช่หรือไม่ รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองว่า ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
ถ้าใช่ …ทำไม เจ้าของอำนาจอธิปไตยคือประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์องค์กรต่างๆ ที่ใช้อำนาจอธิปไตยเหล่านั้นไม่ได้
กล่าวตามการอธิบายความของ “ปิยบุตร” ศาลเป็นองค์กรตุลาการหรือองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตยที่เคียงคู่ไปกับรัฐสภา และรัฐบาล 3 สถาบันนี้อยู่ในระนาบเดียวกัน ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร เมื่อใช้อำนาจอธิปไตยผ่านกระบวนการตุลาการก็จำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจมีโอกาสตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบที่ดีที่สุดคือ การวิพากษ์วิจารณ์
และเมื่อย้อนกลับไปยังกรณีเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญเรียกตัวนายโกวิทไปพบ คำถามจากปิยบุตรก็คือ “สถานะทางกฎหมาย” ของหนังสือเรียกตัวนั้นคืออะไร สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ อาศัยอำนาจตามกฎหมายข้อไหนเรียกคนไปชี้แจง
“เราอยู่ในหลักนิติรัฐ องค์กรผู้ใช้อำนาจรัฐจะมีอำนาจรัฐก็ต้องมีกฎหมายให้อำนาจ ปัญหาคือ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญทำจดหมายเรียกนายโกวิทไปชี้แจงนั้น อาศัยอำนาจตามกฎหมายอะไร ไม่เห็นมีอ้างกฎหมายอะไร” ปุจฉาอันเผ็ดร้อนนี้เหมาะที่วิญญูชนจะถกแถลง
เพียงแต่…ขอให้คิดกันด้วยความมีสติ ใช้ความรู้ใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญ ขบคิด วินิจฉัย อันใดควรไม่ควร ถูกไม่ถูก
อย่าให้มีสิ่งที่เรียกว่า สู้ด้วยศักดิ์ด้วยศรีที่ถือว่า เหนือกว่า
เมื่อถูกตั้งตำถาม อย่าโกรธ ถูกซักไซ้ไล่หาเหตุผลอย่าโมโห ถ้าเชื่อด้วยใจจริงว่า “คนเท่ากัน” ต้องแสดงออกด้วยการกระทำ
อย่าเจ้ายศเจ้าอย่างตามหัวโขนที่จัดสรรตำแหน่งหน้าที่ให้ตามแต่วาระ !?!!