บทนำ วันที่ 7 กันยายน 2562 : ระบบระบายน้ำท่วม
พายุเข้าประเทศไทย ทำให้เกิดน้ำท่วมในภาคอีสานและภาคเหนือตอนล่าง นายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจเยี่ยม จ.พิษณุโลก และสุโขทัย พร้อมกับแนะนำให้ประชาชนเปลี่ยนอาชีพมาทำประมงพื้นบ้าน ในเรื่องนี้ มีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจจากนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ชายฝั่งทะเลที่มีพื้นเป็นโคลน เช่น สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี เมื่อน้ำลง ท้องทะเลจะเป็นลานโคลน (Mud Flat) ชาวประมงจะเลี้ยงและจับหอยแครง หอยหลอด เมื่อน้ำขึ้น น้ำทะเลท่วมลานโคลนกลายเป็นทะเล ชาวประมงจะรุนกุ้งรุนเคยแทน
ส่วนในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ในช่วงฤดูร้อน ปลูกข้าว ด้วยการสนับสนุนของระบบชลประทาน ครั้นฤดูน้ำท่วมหรือน้ำหลากก็เลี้ยงปลาในคอกในกระชังและจับปลาที่อยู่ตามธรรมชาติแทน แต่เงื่อนไขของความสำเร็จในระบบนี้ก็คือ เกษตรกรหรือชาวประมงจะต้องรู้ตารางน้ำท่วมและแผนที่น้ำท่วมที่แม่นยำมาก จะต้องเริ่มตรงเวลา ใช้ขนาดลูกปลาที่ค่อนข้างโตเพราะมีเวลาเลี้ยงเพียง 2 เดือนเท่านั้น และในช่วงนี้น้ำจะแห้งไม่ได้เด็ดขาด
อดีตรองนายกฯและอดีต รมว.ทรัพยากรฯชี้ว่า ปัญหาการระบายน้ำท่วมของประเทศไทยคือ ใช้ระบบส่งน้ำ หรือชลประทานมาระบายน้ำ ผลที่ได้จึงขาดประสิทธิภาพ ระบบส่งน้ำจะเริ่มจากที่ใหญ่ เช่น เขื่อน จากนั้นก็จะไหลไปตามคูคลองที่เล็กลงเรื่อยๆ จนถึงเหมืองไส้ไก่หรือคันคูน้ำ แต่การแก้ไขน้ำท่วมนั้นต้องการระบบระบายน้ำซึ่งจะเดินตรงข้ามกับการส่งน้ำ การระบายน้ำนั้นจะเริ่มจากที่เล็กและก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นแม่น้ำ ปากแม่น้ำและทะเลในที่สุด เราต้องการคลองระบายน้ำ ซึ่งรัชกาลที่ 9 ก็ทรงทำเป็นตัวอย่างมาแล้ว เช่น ที่คลองลัดโพธิ์
เป็นความเห็นที่น่าสนใจ และน่าคิดว่าประเทศไทยมีระบบจัดการน้ำท่วมแล้วหรือไม่ หลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 มีการผลักดันแผนบริหารจัดการน้ำแต่ถูกยกเลิกไป แล้วรัฐบาล คสช.มาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรน้ำ ตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติขึ้น มีการจัดสรรและใช้งบประมาณไปจำนวนมาก แต่น่าสังเกตว่ายังเกิดน้ำท่วม น้ำแล้งอย่างต่อเนื่่องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเร็วๆ นี้ยังเกิดภัยแล้งแล้วต่อด้วยน้ำท่วม น่าจะถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องจัดระบบแก้น้ำท่วมอย่างจริงจังและเห็นผล
