เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่กทม.ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาบุคคลเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ยังอยู่ในกระบวนการสรรหาบุคคล โดยมีทั้งผู้ที่สนใจอยากจะลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ และผู้ที่พรรคสนใจจะเชิญให้มาลงสมัครในนามของพรรค ซึ่งเราจะนำรายชื่อของทั้ง 2 ส่วนนี้มาพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความตั้งใจที่จะทำงานรับใช้ชาวกทม.รวมถึงคนที่มีความสามารถเป็นนักบริหารมืออาชีพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีชื่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. อาจจะกลับมาลงสมัครอีกครั้ง นายองอาจ กล่าวว่า เคยมีคนในพรรคหลายคนสนับสนุนให้นายอภิรักษ์มาลงสมัครผู้ว่าฯกทม. แต่ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อไหร่ จึงทำให้ทุกคนยังมีเวลาพิจารณาตัดสินใจ ซึ่งทุกคนก็ยังมีเวลาคิด และตัดสินใจว่าจะลงสมัครหรือไม่อย่างไร พรรคคุยกับทุกคนที่เราเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าเคยมีชื่อนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้บริหารบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ว่าอาจจะมาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ กล่าวว่า ข่าวนี้ก็มีมานานแล้ว และหลายครั้งเวลาจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งใดมักจะมีชื่อนางนวลพรรณเสมอ เป็นชื่อที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและสังคมมาตลอด เพราะเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวถามว่าบุคคลที่พรรคจะส่งลงสมัครแนวโน้มจะเป็นหน้าใหม่ทางการเมืองหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่าเราไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นคนหน้าใหม่หรือหน้าเก่า หรือเป็นคนลักษณะไหน แต่เราต้องการคนที่เป็นนักบริหารมืออาชีพ เป็นคนที่รู้เรื่องงานของกทม.และพร้อมที่จะเข้าไปทำงานได้จริง
เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา พรรคไม่ได้ที่นั่งในกทม.เลย ดังนั้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้พรรคจะมีการวางกลยุทธ์อย่างไร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าคนกทม.จะพิจารณาลงคะแนนในการเลือกตั้งแต่ละครั้งต่างกัน โดยจะดูองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งนั้นๆ ยกตัวอย่างกรณีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ประชาชนจะดูที่ตัวผู้สมัคร นโยบาย ความสามารถในการบริหารงานและพรรคการเมืองที่สังกัด ส่วนการเลือกตั้งทั่วไปที่เป็นเรื่องระดับชาติคนกทม.ก็จะดูเรื่องการไปเป็นรัฐบาลและแนวทางในกานนำประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ เราจึงเห็นได้ว่าการตัดสินใจของคนกทม.จะแยกเป็นเรื่องๆไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยอาจส่งนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. นายองอาจ กล่าวว่า ยังไม่เห็นพรรคเพื่อไทยออกมาประกาศเลยว่าจะส่งนายชัชชาติลงสมัคร เรื่องนี้เป็นเพียงแนวโน้มของเขาและยังไม่มีใครรู้ได้ว่าจริงๆแล้วพรรคเพื่อไทยจะส่งใครลงสมัคร
ส่วนที่ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ระบุว่าคนกทม.ร้อยละ 60 ยังไม่ปักใจจะเลือกพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นายองอาจกล่าวว่าก็มีความเป็นไปได้อย่างนั้น เพราะตอนนี้ยังไม่มีบรรยากาศของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และยังไม่รู้ว่าจะเลือกเมื่อไหร่ ดังนั้นคนกทม.ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ
เมื่อถามว่าผลการทำงานระดับชาติอาทิ การทำงานของรัฐมนตรีของพรรคในกระทรวงต่างๆจะมีผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนในการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วยเงื่อนไขใดบ้าง พรรคประชาธิปัตย์จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทั้งการสรรหาผู้สมัครที่ดีที่สุดให้ประชนพิจารณา การคิดค้นนโยบายที่สร้างประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญที่พรรคต้องดำเนินการ
ต่อข้อถามกรณีที่พรรคปชป.จะเสนอแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการเลือกตั้งท้องถิ่น นายองอาจกล่าวว่าพรรครับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องและคนในพื้นที่ จากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดไปจัดทำร้างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเพื่อนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไปโดยเร็วที่สุด
