ย้อนข้อมูล พบคราบเลือดในรถจนท.อุทยานฯ ตร.ชี้รถถูกล้างลงแว็กซ์อย่างดี แต่ยังเจอเลือด

ย้อนหลังข้อมูล กรณีพบคราบเลือดในรถเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คดีการหายตัวของนายบิลลี่ เมื่อปี 2557

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.57 นายกระทง โชควิบูลย์ ผญบ. หมู่ 1 บ้านบางกลอย ได้พานางพิณนภา พฤกษาพรรณ อายุ 27 ปี ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ไปที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี เพื่อยื่นเรื่องให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน ขอให้ปล่อยตัวนายบิลลี่ โดยมีนายธีรพันธุ์ พันธุ์คีรี ทนายความ พร้อม น.ส.ผรัณดา ปานแก้ว จากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พร้อมคณะ เป็นผู้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล

นายธีรพันธุ์เปิดเผยว่า มูลเหตุเนื่องจากภรรยาเชื่อว่าสามียังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตามข้อเท็จจริงค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่านายบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวมาจริง เพียงแต่ว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯอ้างว่าได้ปล่อยตัวไปแล้ว แต่ตนและภรรยานายบิลลี่มองว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่น่าเชื่อถือว่าปล่อยตัวมาแล้ว โดยยังเชื่อว่านายบิลลี่ถูกควบคุมตัวไปและยังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา จึงได้มายื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลได้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้ทราบแน่ชัดว่าขณะนี้นายบิลลี่อยู่ที่ไหน เพราะถ้าเจ้าหน้าที่อุทยานฯยังควบคุมตัวไว้ โดยที่ไม่มีอำนาจควบคุมก็ต้องปล่อยคืนตัวนายบิลลี่ออกมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ศาลได้พิจารณาว่าคำร้องยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอ จึงเรียกให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มาให้การในวันที่ 30 เม.ย.นี้ (2557) เพื่อพิจารณาคดีต่อไป

Advertisement

ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน
ต่อมา พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูชาติ โชคสถาพร ผกก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน ตรวจสอบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บล7826 ราชบุรี ซึ่งเป็นรถปฏิบัติงานของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานฯ อ้างว่าใช้ควบคุมตัวนายบิลลี่เพื่อนำไปดำเนินคดี และมีการปล่อยตัวไปตามคำให้การก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ทำการเก็บหลักฐานวัตถุพยาน รอยนิ้วมือแฝง เส้นผม เศษดินที่พบในรถยนต์มาเพื่อตรวจสอบหา DNA ของนายบิลลี่เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีสืบสวนสอบสวน จากนั้นนำตัว ด.ช.หาญณรงค์ รักจงเจริญ อายุ 5 ปี บุตรชายคนที่ 3 ของนายบิลลี่ มาทำการเก็บเนื้อเยื่อบริเวณกระพุ้งแก้มทั้ง 2 ข้าง เพื่อนำไปตรวจสอบ DNA เปรียบเทียบกับหลักฐานต่างๆ ที่พบในรถกระบะว่าตรงกันบ้างหรือไม่

Advertisement

ต่อมาชุดสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดีนี้ว่า จากการลงพื้นที่เก็บหลักฐานใน จ.เพชรบุรี ระหว่างดีเอสไอกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเก็บหลักฐานจากรถยนต์ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบว่าสภาพห้องโดยสารในรถยนต์ถูกล้างทำความสะอาดมาแล้ว แต่เมื่อนักนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบห้องโดยสารผ่านเครื่องมือของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์พบว่ารถยนต์คันต้องสงสัยมีร่องรอยคราบเลือดหลงเหลืออยู่ จึงนำคราบเลือดที่พบมาตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการ เพื่อเทียบเคียงดีเอ็นเอกับบุตรชายนายบิลลี่ แต่เนื่องจากคราบเลือดที่พบมีเพียงเล็กน้อย ประกอบกับรถยนต์ผ่านการทำความสะอาดมาแล้ว ทำให้ฐานข้อมูลไม่เพียงพอในการตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอว่าตรงกับนายบิลลี่หรือไม่

ในชั้นนี้ทราบผลเพียงว่าเป็นคราบเลือดมนุษย์ของเพศชาย อย่างไรก็ตาม กระบวนการพิสูจน์ยังไม่สิ้นสุดจะต้องใช้เวลาอีกระยะกับการตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการอย่างละเอียดเพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอให้ชัดเจน

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค (ตำแหน่งในขณะนั้น) กล่าวว่า ในชั้นสืบสวนถือว่าพยานหลักฐานที่ได้เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากสามารถยืนยันได้ว่ามีเลือดของมนุษย์เพศชายเข้าไปอยู่ในรถยนต์ต้องสงสัย เพราะก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้สอบคำให้การของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวว่าเคยนำรถคันดังกล่าวไปขนซากสัตว์บ้างหรือไม่ เจ้าหน้าที่อุทยานฯยืนยันไม่เคยนำซากสัตว์หรือสิ่งสกปรกเข้ามาให้ห้องโดยสาร และยืนยันว่ารถดังกล่าวใช้เพียงงานตรวจป่าและงานบริการเท่านั้น การที่มีคราบเลือดอยู่ในห้องโดยสารบริเวณแค็บหลังเบาะนั่งคนขับ เป็นประเด็นสงสัยที่มีน้ำหนักเพียงพอให้ต้องสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอื่นมาประกอบเพื่อไม่ให้มีข้อโต้แย้ง

พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวอีกว่า ก่อนที่ดีเอสไอจะเข้าไปเก็บหลักฐานรถยนต์ดังกล่าวถูกล้างทำความสะอาดอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม ห้องโดยสารมีการลงแว็กซ์เบาะอย่างดี แต่นักนิติวิทยาศาสตร์ยังสามารถตรวจพบคราบเลือดที่หลงเหลือจากการทำความสะอาดได้ หลังจากนี้ชุดสืบสวนจะรวบรวมประเด็นทั้งหมดเสนอต่อ

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ให้รับทราบเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) รับโอนคดีการหายตัวของบิลลี่เป็นคดีพิเศษมาอยู่ในอำนาจสอบสวนของดีเอสไอหรือไม่ เพราะขณะนี้คดีการหายตัวไปของนายบิลลี่อยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.แก่งกระจาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image