เมื่อวันที่ 12 ก.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงความเห็นเรียกร้องให้มีทุกพรรคควรร่วมกันโหวตอนุมัติให้มีคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบผลกระทบจากการดำเนินโครงการ EEC โดยระบุว่า
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติอนุมัติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและตรวจสอบผลกระทบจากการดำเนินโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งผู้แทนราษฎรพรรคอนาคตใหม่จากจังหวัดภาคตะวันออก นำโดย คุณจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา คุณเบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ชลบุรี และคุณขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี เป็นผู้เสนอญัติด่วนให้ตั้งกรรมาธิการนี้ และได้อภิปรายถึงเหตุผลความจำเป็นในการต้องมีกลไกตรวจสอบโครงการ EEC ไปแล้วตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โครงการ EEC เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลเผด็จการ จึงไม่แปลกที่โครงการนี้เป็นการพัฒนาที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วม ใช้กฎหมายพิเศษประกาศพื้นที่เขตเศรษฐกิจโดยขาดการตรวจสอบถ่วงดุล จนเกิดข้อกังขาว่ามีการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน ไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการบริหารทรัพยากรของประเทศอย่างยั่งยืน ดอกผลของการพัฒนาไม่ตกถึงคนในพื้นที่เท่าที่ควรจะเป็น
เราไม่ได้ขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ และยกระดับอุตสาหกรรม แต่ในเมื่อโครงการ EEC เป็นการพัฒนาที่ความรู้และเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม ไม่จำเป็นต้องถูกถ่ายทอดให้แก่คนไทย ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศของผู้ใช้แรงงานในสายตาชาวโลก เราจะยกระดับอาชีพ ความรู้ และอุตสาหกรรมของเราได้อย่างไร?
แม้โครงการ EEC จะเป็นโครงการที่ถือกำเนิดในยุครัฐบาลทหาร แต่ตอนนี้ประเทศไทยมีสภาผู้แทนราษฎรเป็นปากเสียงให้ประชาชนแล้ว เราจำเป็นต้องใช้กลไกสภา ตรวจสอบและปรับเปลี่ยนทิศทางการเดินหน้า EEC ให้โปร่งใสและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด เพื่อให้ภาษีของประชาชนถูกใช้อย่างคุ้มค่า และดอกผลของการพัฒนา ตกถึงมือประชาชนคนไทยมากกว่าทุนไทยและต่างชาติ
ผมขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันจับตาดูการโหวตตั้งกรรมาธิการ EEC ในวันนี้ ร่วมกันเรียกร้องให้ผู้แทนราษฎรทุกพรรค ทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนด้วยการสนับสนุนการตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบของ EEC ทำให้สภาเป็นกลไกที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้จริง
ผมขอยืนยันว่าไม่ว่าผลการโหวตในวันนี้จะออกมาเป็นอย่างไร พรรคอนาคตใหม่จะติดตามตรวจสอบโครงการ EEC ต่อไป และเป็นปากเสียง ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเต็มความสามารถ
