ผู้เขียน | การ์ตอง |
---|
หากเอากระแสความรู้สึกนึกคิดของประชาชนเป็นตัวตั้งในการประเมินความเป็นไปของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อาจจะรู้สึกว่าเข้าสู่สถานการณ์เลวร้ายอย่างยิ่ง
จาก “เรื่องราวที่สื่อออสเตรเลียนำเสนอ” อันเป็นความร้ายแรงที่เกี่ยวโยงกับความผิดคดียาเสพติด จนเกิดกระแสการต่อต้านรุนแรงในประเด็นจริยธรรมของบุคคลสาธารณะที่อยู่ในตำแหน่งหน้าตาของประเทศ
เสียงเรียกร้องให้ทบทวนบทบาทดังกระหึ่มในทิศทางว่าประเทศไทยน่าจะมีทางเลือกมากกว่านี้ไม่ควรจำนนอยู่ที่จะต้องมีรัฐมนตรีในลักษณะเช่นนี้
และตามมาด้วยความกังขาในเรื่องคุณวุฒิที่นำเสนอในกรอบของความเป็น “ดร.” ผู้จบปริญญาเอก ในมุมที่ว่ามาจากสถาบันซึ่งได้รับการรับรองหรือไม่
การโจมตี และการต่อต้านเป็นไปอย่างรุนแรง แม้กระทั่งจะมีการชี้แจงแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ากระแสยังไม่รับการชี้แจงสักเท่าไร
ท่ามกลางพายุแห่งศรัทธา จนมีความเชื่อว่า การอยู่ในตำแหน่งที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศน่าจะเป็นเรื่องยาก
ยิ่งกระทบกระเทือนถึง “ผู้นำประเทศ” ที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติของทีมงาน ยิ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวว่าจะลุกลามไปกันใหญ่
ทว่านั่นดูจะเป็นเรื่องสะเทือนด้วยกระแสเท่านั้น
การตัดสินใจของคนที่มีอำนาจ และต้องทำงานอยู่ร่วมกันกลับเป็นความอบอุ่นอย่างยิ่ง
ไม่เพียง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้อธิบายความเชิงกฎหมาย จะเคยชี้ว่า “การตัดสินของศาลออสเตรเลีย ไม่ใช่ศาลไทย จึงไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี” เท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยังอธิบายถึงสภาวะไม่มีปัญหาในการอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีของ “ร.อ.ธรรมนัส” โดยทำให้การมีตำหนิเป็นเรื่องทั่วไปด้วยคำตอบที่ว่า “ผมถามว่ารัฐบาลอื่นไม่มีหรือ ก็มีตำหนิกันทุกรัฐบาลนั่นแหละ”
และความอบอุ่นอย่างยิ่งนี้ยังสะท้อนจากการอธิบายของ “นักกฎหมาย” ระดับ วิษณุ เครืองาม ในเรื่อง “ปริญญาเอก” ทำนองว่า “ไม่ต้องตรวจสอบว่าเป็นอย่างไร เพราะคุณสมบัติที่กำหนดแค่ปริญญาตรี เมื่อปริญญาตรีถูกต้องก็จบ”
ความอบอุ่นที่มีให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ยังเลยไปถึงความพยายามที่จะทำให้เป็นเรื่องของการทำลายกันทางการเมือง
ท่ามกลางกระแสที่เกิดจากข้อเท็จจริงบางอย่างนำสู่ข้อสงสัยของประชาชนในวงกว้าง
“ร.อ.ธรรมนัส” ดูเหมือนไม่ต้องสะทกสะท้านอะไร เพราะได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นจากผู้มีอำนาจ อย่างไข่ในหิน