มีข่าวเกรียวกราวว่า เต่ามาดากัสการ์ ซึ่งหายากและใกล้สูญพันธุ์ มีราคาแพง ซึ่งมีผู้ลักลอบนำเข้าทางสนามบินสุวรรณภูมิและไม่พ้นเงื้อมมือของกฎหมาย ได้หายไปจากที่เก็บของกลางของกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะด้วยสาเหตุใดและใครเป็นผู้กระทำการ น่าจะปรากฏผลคืบหน้าต่อไป แต่การนำเข้าเต่าดังกล่าว เป็นเรื่องน่าสนใจ และสังคม น่าจะร่วมกันศึกษาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย เพิ่มความเข้มงวดในการใช้กฎหมายกับผู้นำเข้า ผู้ค้า ทั้งที่สวนจตุจักร ในอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงผู้ที่มีในครอบครอง มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้ขบวนการค้าสัตว์ยุติพฤติกรรมให้ได้
การนำเข้าเต่ามาดากัสการ์มีรายละเอียดน่าอเนจอนาถใจ เต่าที่ถูกจับในรอบนี้ แบ่งเป็นเต่ายูนิฟอร่า 54 ตัว และเต่าเรดิเอต้า หรือเต่าดาวรัศมี 72 ตัว ขณะถูกจับได้ที่ด่านศุลกากร สนามบินสุวรรณภูมินั้น ถูกรัดแน่นด้วยแผ่นฟิล์มใสที่ใช้สำหรับถนอมอาหาร แล้วอัดอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ระยะทางจากมาดากัสการ์มาถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ในสภาพทรมานอย่างแสนสาหัส และผิดจากสภาพธรรมชาติของสัตว์เหล่านี้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เต่ายูนิฟอร่าที่มีค่ามหาศาล 54 ตัว ตายไปถึง 48 ตัว รอดชีวิตเพียง 6 ตัว ส่วนเรดิเอต้าหรือเต่าดาวรัศมี รอดหมดทั้ง 72 ตัว
สำหรับเต่ามาดากัสการ์ มีลวดลายบนกระดองแปลกและสวยงาม เป็นที่นิยมชื่นชมของบรรดาเศรษฐี นักสะสมที่นิยมสัตว์แปลก นอกจากความสวยงามแล้ว เต่ายังขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์มงคล มีอายุยืน เชื่อกันว่าใครได้ครอบครอง จะช่วยเสริมบารมี และมีอายุยืนเหมือนเต่าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การนำเข้าเต่าดังกล่าว ถือว่าผิดกฎหมายและขัดกับข้อตกลงระหว่างประเทศ และขัดกับหลักเมตตาธรรม ที่สำคัญอย่ามองข้ามไม่ได้ คือ ความย้อนแย้งในตัวเอง เพราะผู้ที่ซื้อเต่าจากขบวนการเหล่านี้ เชื่อว่าเป็นสัตว์มงคล ต้องการให้เกิดผลดีกับตนเอง แต่การได้มาซึ่งสัตว์มงคล กลับกระทำด้วยวิธีการอันทารุณและโหดร้าย ซึ่งไม่มีทางจะเป็นมงคลสำหรับใครได้ และไม่ก่อผลที่เป็นกุศล ความจำเป็นเฉพาะหน้า จึงได้แก่การใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อผู้นำเข้า ผู้ค้า ผู้ซื้อ ที่ทำให้เกิดวงจรโหดร้ายนี้ขึ้นมา และต้องรณรงค์ให้เลิกพฤติกรรมสนับสนุนนักค้าสัตว์สวยงามเหล่านี้ไปพร้อมกัน
