‘ปิยบุตร’ถามจี้’บิ๊กตู่’ 4ข้อ ปมถวายสัตย์ ฉะ เป็นโรคไม่แยแสรธน.ซัด ‘วิษณุ’ บิดาแห่งข้อยกเว้น

เมื่อเวลา 09.40 น.วันที่ 18 กันยายน ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม การพิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไป กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามมาตรา 152 รัฐธรรมนูญ

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการและ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า ความสำคัญของการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่นั้น ได้แก่ 1.การถวายสัตย์ของ ครม.เป็นเงื่อนไขบังคับก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว จะรับหน้าที่ได้ต่อเมื่อมีการถวายสัตย์ การถวายสัตย์จึงเป็นแบบพิธีสำคัญ เป็นเงื่อนไขบังคับ ที่กำหนดแบบนี้เพราะจะได้มีเส้นแบ่งให้ชัดว่า ครม.ชุดที่แล้วจะสิ้นสุดการรักษาการลงเมื่อไหร่ และครม.ชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่วันไหน 2.การถวายสัตย์คือการยืนยันหลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ ถ้อยคำ “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” เป็นหัวใจสำคัญของการปฏิญาณเพื่อยืนยันว่าผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จะอยู่ภายใต้ เคารพ รักษา และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ 3.การถวายสัตย์ของ ครม.เป็นการให้คำสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์และประชาชน โดยเหตุผลที่ต้องเขียนถ้อยคำถวายสัตย์ลงไป ก็เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอเหมือนกัน อีกทั้งเพื่อทำให้ผู้ถวายสัตย์รู้ตัวล่วงหน้าว่าตัวเองจะให้คำสัตย์ว่าอะไร ถ้ารู้ว่าชีวิตนี้ท่านปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ ถ้ารู้อยู่แล้วว่าอีกไม่กี่เดือนท่านจะละเมิดหรือฉีกรัฐธรรมนูญอีก อย่ามาเป็นรัฐมนตรี จะได้ไม่ต้องถวายสัตย์

อย่างไรก็ตาม ขอให้ความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อย้อนไปดู ครม.ประยุทธ์ 1 ท่านมีโอกาสนำรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น 5 ครั้ง ทุกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวนำถวายสัตย์ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญกำหนด โดย 4 ครั้งแรกกล่าวตามรัฐธรรมนูญ 2557 และครั้งที่ 5 กล่าวตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 161 นอกจากนั้น ยังสังเกตได้ว่าทุกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์อ่านถ้อยคำถวายสัตย์จากบัตรแข็งซึ่งเสียบไว้ในแฟ้มสีน้ำเงินที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เตรียมไว้ให้ แต่ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 กลับปรากฎว่านายกฯกล่าวถ้อยคำไม่ครบและไม่ได้มาจากเอกสารบัตรแข็งที่สลค.เตรียมไว้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ได้หยิบกระดาษแข็งขึ้นมาจากกระเป๋าด้านข้างของเสื้อ จึงไม่แน่ใจว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้สะกิดเตือนนายกฯหรือไม่ว่าควรต้องกล่าวให้ครบ เพราะดีไม่ดีจะกลายเป็นเรื่อง ต้องเปิดเทปส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แล้วจะยุ่งกันใหญ่ ตามที่ท่านเขียนไว้ในหนังสือหลังม่านการเมืองหน้า 50-51

เมื่อข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดว่านายกฯกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบ ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยมีปัญหานี้ แต่ขณะนี้มีความเห็น 2 ทาง ทางหนึ่งยืนยันว่า ในเมื่อการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ก็ทำให้การถวายสัตย์ไม่สมบูรณ์ เสมือนไม่มีการถวายสัตย์ เท่ากับ ครม.เข้ารับหน้าที่ไม่ได้ การใช้อำนาจต่างๆ จึงไม่มีผลในทางกฎหมาย ส่วนความเห็นอีกทางบอกว่า ครม.เข้ารับหน้าที่ได้ เพราะมีการถวายสัตย์เกิดขึ้นจริง เพียงแค่กล่าวไม่ครบ ครม.ต้องไปหาทางเยียวยาแก้ไขต่อไป แต่ไม่ว่าเราจะเห็นอย่างไร การปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังโดยไม่จัดการ จะส่งผลประหลาดในอนาคต เช่น หากนายกฯมีโอกาสนำรัฐมนตรีคนใหม่เข้าถวายสัตย์ฯอีกครั้ง นายกฯจะกล่าวไม่ครบหรือตัดเสริมเติมแต่งก็ได้อย่างนั้นหรือ

Advertisement

การถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนเป็นส่วนหนึ่งในอาการของโรคที่ผมให้ชื่อว่า “โรคไม่แยแสรัฐธรรมนูญ” สะท้อนให้ประชาชนเห็นว่านายกฯไม่ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กำหนดอำนาจหน้าที่ขององค์กรต่างๆ การที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถวายสัตย์ไม่ครบ จึงเป็นธรรมดาที่จะทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่านายกฯจะเข้ารับหน้าที่โดยไม่รักษาไว้และไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมของนายกฯที่ไม่ยึดมั่นรัฐธรรมนูญ ท่านมองรัฐธรรมนูญเป็นเพียงเครื่องมือในการปกครองตามระบอบของท่าน เรื่องใดก็ตามที่ท่านอ้างรัฐธรรมนูญแล้วได้ประโยชน์ ท่านอ้าง แต่หากรัฐธรรมนูญมาจำกัดอำนาจหรือตีกรอบท่าน ท่านก็ไม่อ้าง จริงอยู่ที่วันนี้ท่านเป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งตามระบบเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญ 2560 แต่สังคมก็รับรู้ดีว่าก่อนหน้านั้นท่านเข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่แยแสรัฐธรรมนูญ พฤติกรรมนี้ทำให้เห็นว่าท่านมองรัฐธรรมนูญเป็นเพียงแหล่งที่มาของอำนาจ อยากเตือนสติว่าท่านเป็นนายกฯคนใหม่ที่มาตามรัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้นต้องเคารพรัฐธรรมนูญ พฤติกรรมที่เคยชินเคยใช้ในอดีต ขอให้ยุติลง ในทางปรัชญาการเมืองมีตำแหน่งหนึ่งที่เรียกว่าองค์อธิปัตย์ ซึ่งท่านเคยเป็นมาแล้ว และบอกว่าตัวเองอยู่เหนือ 3 อำนาจ องค์อธิปัตย์คือคนที่บอกได้ว่าอะไรคือข้อยกเว้น ณ วันนี้ นายกฯและรองนายกฯมักมีเหตุผลอธิบายให้พวกท่านได้เป็นข้อยกเว้นของรัฐธรรมนูญเสมอ ในขณะที่คนอื่นต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ จนสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียเริ่มตั้งฉายาให้ท่านว่าเป็น “บิดาแห่งข้อยกเว้น”

การถวายสัตย์ไม่ครบยังเป็นอาการของอีกโรคคือโรคไม่รับผิดชอบ ขาดความเป็นผู้นำ เพราะภายหลังประเด็นนี้ถูกเปิดเผย พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกมายอมรับ ขอโทษต่อ ครม. และประกาศขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งต้องถามว่ารับผิดชอบอย่างไร

สำหรับคำถามของตนต่อนายกฯคือ 1.นายกฯได้อ่านคำถวายสัตย์ที่เตรียมมาเองใช่หรือไม่ เหตุใดไม่อ่านจากกระดาษแข็งในแฟ้มสีน้ำเงินที่ สลค.เตรียมให้ 2.หากมีรัฐมนตรีคนหนึ่งลาออก ท่านตั้งคนใหม่มาเป็นรัฐมนตรีแทน ท่านจะนำถวายสัตย์ปฏิญาณอย่างไร 3.ขอถามนายกฯและนายวิษณุ ว่าหากนายกฯคนต่อไป มีโอกาสเข้าเฝ้าฯแล้วกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ท่านเห็นว่าสามารถทำได้หรือไม่ และ 4.ขอถามนายวิษณุ ที่ทำงานในทำเนียบรัฐบาลเกือบ 2 ทศวรรษ ท่านเคยเห็นนายกฯคนใดทำแบบ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่

Advertisement

ส่วนทางออกเรื่องนี้นั้น ขอเสนอให้นายกฯขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายสัตย์ใหม่อีกครั้งให้ครบถ้วน ส่วนการกระทำต่างๆ ที่ได้ทำไปแล้ว จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีมติ ครม.อีกครั้งเพื่อชุบชีวิตรับรองมันให้สมบูรณ์ทั้งหมด นอกจากนั้น ขอเรียกร้องให้นายวิษณุ กลับมาเป็นนายวิษณุคนเดิม ยุติการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่นายกฯ ออกจากเรือแป๊ะมาอยู่ในเรือยุติธรรม อย่างไรก็ตาม จากข้อเท็จจริงในวันที่ 16 กรกฎาคม แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จงใจละเมิดรัฐธรรมนูญ ท่านได้ทำลายความเชื่อถือของประชาชนลงไปหมดสิ้น ผมไม่ต้องการทั้ง พล.อ.ประยุทธ์คนเก่าและคนใหม่ ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อไป เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่อการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image