หาก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ มีความโดดเด่นในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่อุบลราชธานี นายปิยบุตร แสงกนกกุล กับ นายสุทิน คลังแสง คือความโดดเด่นในสถานการณ์อภิปรายทั่วไป 152
นายปิยบุตร แสงกนกกุล โดดเด่นเพราะความแน่นในหลักแห่งกฎหมาย
นายสุทิน คลังแสง โดดเด่นเพราะความสามารถในการแปรหลักแห่งกฎหมายอันดำเนินไปอย่างเป็น”นามธรรม”มาสอดสวมกับ “รูปธรรม”ตามความเป็นจริง
เมื่อนำเอาท่วงทำนองของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล มาประ สานเข้ากับท่วงทำนองของ นายสุทิน คลังแสง ก็สร้างเอกลักษณ์และภาพลักษณ์ใหม่ในทางการเมือง
เป็นภาพลักษณ์อันเป็นคุณเจิดจรัสของ”ประชาธิปไตย”
ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่า นายสุทิน คลังแสง มีพื้นฐาน มาจากความเป็นอาจารย์ จัดเจนในวิชาการและสิ่งที่ตนเองร่ำเรียนมา
เมื่อมาเป็น “นักการเมือง” ก็เอาข้อดีในทาง “วิชาการ”มาปรับและประสานเข้ากับสภาพความเป็นจริง
โดยบุคลิก ท่วงทำนองและการแสดงออก เหมือนกับภาพของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จะเป็นปัญญาชนนักวิชาการบนหอ คอยงาช้าง
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง เหมือนกับปัญญาชนบ้านนอกติดดิน แนบแน่นอยู่กับประชาชน
ด้วยสำนวน ลีลา อาจทำให้สรุปได้เช่นนั้น คนหนึ่งมีชีวิตเติบใหญ่อยู่ในเมืองกรุง เป็นนักเรียนนอก คนหนึ่งมีชีวิตเติบใหญ่อยู่ในชนบท เป็นนักเรียนใหญ่
แต่หากจับเอา”เนื้อหา”ของการอภิปราย การแสดงออกก็ยืนยันอย่างเด่นชัดว่าเป็นประชาธิปไตย แนบแน่นกับประชาชน
ผู้แทนปวงชนจำเป็นต้องดึงคนในแบบ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ให้เข้ามามากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องดึงคนในแบบ นายสุ ทิน คลังแสง ให้เข้ามามากยิ่งขึ้น
เพราะไม่ว่าคนในแบบ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ล้วนมีค่าและเป็นที่ต้องการของทุกพรรคการเมือง
เพราะไม่ว่าคนในแบบ นายสุทิน คลังแสง ก็ล้วนมีค่าและเป็นที่ต้องการของทุกพรรคการเมือง
การประสาน”วิชาการ”กับ”ความเป็นจริง”จึงสำคัญ
