สถานีคิดเลขที่ 12 : โครงข่ายขบวนการรักประเทศ

เอกสาร “โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ”
ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผลอ หรือตั้งใจ ติดมือเข้าไปประชุมสภา ในวันเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เรื่องการถวายสัตย์ และการไม่แจงที่มาของงบปี 2563
ยังไม่ทราบว่าเป็นผลงานของหน่วยความมั่นคงใด
แต่ “ดักคอ” ไว้เล่นๆ หน่อย
ว่าคงไม่รวมเอาปรากฏการณ์ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และปรากฏการณ์ สุทิน คลังแสง เข้าไปอยู่ในเครือข่ายด้วย
ฐานทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาล

โดยบิณฑ์ “คนนอกรัฐบาล” ไประดมเงินช่วยน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ทะลุ 360 ล้านไปแล้ว
ส่วน สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จากพรรคเพื่อไทย ผู้อภิปรายสรุปญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปนั้น
คนเข้าไปดูคลิปดังกล่าวล้นหลาม
เฉพาะเฟซบุ๊กข่าวสด เพียง 1 วัน คนเข้าชม 1.7 ล้านครั้ง
แน่นอนดูแล้วย่อมมองคนฝ่ายรัฐและผู้นำในทางไม่ดี
แต่คงไม่มีฝ่ายความมั่นคงไหน จับไปเข้าโครงข่ายการทำลายประเทศ
ตรงกันข้าม ต้องนำปรากฏการณ์ทั้งสองไปวิเคราะห์
เพื่อประเมิน และสรุปเป็นบทเรียนว่า เหตุไฉนเพียงคนไม่กี่คนจึงสามารถก่อปรากฏการณ์ ที่เขย่ารัฐบาลได้

อย่างกรณีบิณฑ์ เชื่อว่าคนที่แห่ไปบริจาคเงิน รู้ดีว่ามีจุดอ่อนสำคัญในการควบคุมการใช้เงินที่มีโอกาสรั่วไหล
แต่คนก็พร้อมที่จะมองข้าม
อาจด้วยคาดหวังว่า วิธีนี้เงินจะไปช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมได้เร็ว และโดยตรง
ไม่ผ่านระบบราชการอันยืดยาด และที่สำคัญอาจเห็นว่าฝ่ายรัฐมีปฏิกิริยาต่อสถานการณ์ เฉื่อยชาเกินไป
ซึ่งอาจไม่จริง
แต่ด้วยกระบวนการให้ข่าวสารในยุคโซเชียลมีเดีย ที่เร็วเป็นวินาทีนั้น ฝ่ายรัฐช้าปรับตัวไม่ทัน (ทั้งที่ผ่านสถานการณ์เช่นนี้มาหลายครั้ง)
การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างตรงเป้าของฝ่ายความมั่นคง จะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายรัฐบาลมาก
อย่างน้อยที่สุด หากข้อมูลเหล่านี้ถูกเสนอให้นายกฯอ่าน ก่อนลงพื้นที่อุบลราชธานีครั้งที่สอง
คำพูดที่ไปกระแนะกระแหนพรรคฝ่ายค้าน ที่ก่อให้เกิดประเด็นการเมือง แทนที่จะเป็นประเด็นที่นำไปสู่การร่วมไม้ร่วมมือกันแก้ปัญหา
ก็ไม่ควรเกิด
น่ากังวล หากในสมองผู้นำจะมีแต่ข้อมูล โครงข่ายขบวนการทำลายรัฐบาล
เพราะจะทำให้มองไปทางไหน จะเห็นแต่ศัตรูเต็มไปหมด

เช่นเดียวกับกรณีที่ตัดสินใจไม่ชี้แจงปมถวายสัตย์ในการอภิปรายทั่วไปเมื่อ 18 กันยายนที่ผ่านมานั้น
ฝ่ายความมั่นคงก็ควรนำไปประเมินและชั่งน้ำหนักว่า ในแง่ความมั่นคงรัฐบาลได้หรือเสีย
ได้ ได้ในแง่ไหน
เสีย เสียในแง่ไหน
ข้อมูลที่ถูกประเมินบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงเท่านั้น จะทำให้การตัดสินใจของผู้นำและรัฐบาลถูกต้อง
หากจะเหยียดว่าเป็นเพียงข้อมูลจากฝ่ายแค้น ไม่ควรเอาใจใส่ จนนำไปสู่การไม่ยี่หระ ด้วยการไม่ตอบ ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
สิ่งที่ นายสุทิน คลังแสง อภิปรายสรุป ว่าที่จริงมีประโยชน์ต่อฝ่ายความมั่นคงอย่างมาก ต่อการประเมิน “โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ” ในอนาคต
โดยเฉพาะ หากยังไม่สามารถขจัด ความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำลงได้
ก็น่าเป็นห่วง

Advertisement

ความน้อยใจ ความเสียใจ ความรู้สึกฝ่ายหนึ่งถูกทุกกรณี อีกฝ่ายผิดทุกกรณี ที่นายสุทิน อภิปราย ล้วนเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่อาจนำไปสู่ขบวนการทำลายชาติได้
สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงต้องวิเคราะห์ให้ออก เพื่อที่จะนำไปสู่การแก้ไข
และไม่ประมาท “ฤทธิ์” ของสิ่งเหล่านี้ ที่บันลือออกไปไกล
รวมทั้งขอให้ฝ่ายความมั่นคงแลเห็น “โครงข่ายขบวนรักประเทศ” ที่ร่วมกันทำ
มิใช่การทำลายอย่างเดียว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image