หลังดำเนินการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ หลังปิดประชุมสภาสมัยสามัญเพียง 1 วัน พรรคเพื่อไทยก็ปักหลัก ช่วยเหลือชาวบ้านที่อุบลราชธานีเต็มเวลา
ขณะที่คาราวานของพรรคอนาคตใหม่จากเหนือ ใต้ ตก ออก ทยอยกันบรรทุกสิ่งของไปยังอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง
2 วันต่อมา 7 พรรคฝ่ายค้านก็ขยับประสานมือกับประชาชนในพื้นที่เขต EEC เปิดการเสวนาอภิปรายให้เห็นความสัมพันธ์ระ หว่างรัฐธรรมนูญกับเศรษฐกิจ บนเวทีที่ชลบุรี
ไม่ว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี ไม่ว่า พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประจำการครบครัน
สายๆของวันอาทิตย์ก็เป็นเสวนา จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ ที่ฉะเชิงเทรา
จังหวะก้าวของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านในเรื่องของรัฐธรรมนูญมีความต่อเนื่องและเกาะเกี่ยวอยู่กับ จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ แนบแน่น
เหมือนกับจินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ จะเป็นการแยกวง
แต่พินิจอย่างถ่องแท้ ครบถ้วน ก็เสมอเป็นเพียง”ยุทธวิธี”
นั่นก็คือ หากเคลื่อนไหวในนาม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะให้น้ำหนักแต่ละพรรคอันเป็นพันธมิตร
นั่นก็คือ หากเคลื่อนไหวผ่าน จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ อาจมีแขนขาพรรคอนาคตใหม่แสดงบทบาทมาก เป็นพิเศษ แต่จุดเด่นก็คือการพยายามขยายกรอบและขอบเขต
เหมือนที่เชียงใหม่แตะไปยัง นายกษิต ภิรมย์ ที่สงขลาแตะไปยัง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณ ที่ขอนแก่นแตะไปยัง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ฉะเชิงเทราจับมือกับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง กระชับแน่น
อย่าได้แปลกใจหากจะมีมือจาก ดร.อนุสรณ์ อุณโณ มือจาก ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
ตามขนบการเมืองเดิมเมื่อปิดสมัยประชุมสภาคือการยุติบทบาทในทางการเมืองเพราะด้านหลักของพรรคและนักการเมืองคือการ ออกเยี่ยมยามประชาชน
แต่การเมืองยุคหลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม การเยี่ยมยาม ประชาชนยังมีอยู่
กระนั้น นวัตกรรมใหม่คือการขับเคลื่อนปักธง”ความคิด”
เป้าหมายใหญ่คือการรณรงค์เพื่อนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ
