เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 กันยายน ที่โรงแรมแกรนด์ รอยัลพลาซ่า จ.ฉะเชิงเทรา นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ให้สัมภาษณ์กรณีการวิพากษ์วิจารณ์การแก้รัฐธรรมนูญของพรรคอนาคตใหม่ว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่ว่าด้วยการปกครอง และการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน หลายประเทศมีรัฐธรรมนูญ ทั้งประเทศที่เป็นประชาธิปไตย และเผด็จการ ดังนั้นหากอยากให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ก็ต้องทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยด้วย หากใครบอกว่ารัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย ตนมองว่าไม่สมเหตุสมผล
ส่วนกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้เงินกู้แก่พรรคนั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า เรามีความมั่นใจในกรณีนี้มาก คณะกรรมการการเงือกตั้ง (กกต.) ได้เรียกเราไปสอบสวนหลายครั้งแล้ว อยู่ระหว่างรอ กกต. ตัดสิน ประเทศเราในระยะหลังมักจะมีคนออกมาให้ความเห็นทางกฎหมายและชี้นำสังคมว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบ โดยที่ไม่ได้ไปดูข้อกฎหมายอย่างชัดเจน ยืนยันว่าพรรคการเมืองเป็นพื้นที่รวมตัวของปัจเจกบุคคล พรรคการเมืองไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ จึงมีเสรีภาพในการกระทำการเว้นแต่กฎหมายห้ามไม่ให้ทำ ซึ่งแตกต่างจากหน่วยงานของรัฐที่ต้องกระทำการตามที่กฎหมายกำหนด แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็มีการบัญญัติข้อห้ามไว้ เช่น ห้ามรับเงินจากต่างชาติ ห้ามกระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ไม่มีข้อใดที่ระบุว่า ห้ามกู้เงิน และการกู้เงินไม่ถือว่าเป็นรายได้ แต่เป็นหนี้ และต่อให้ กกต.จะวินิจฉัยเป็นเช่นไร โทษของเรื่องนี้ไม่ถึงขั้นยุบพรรคการเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายธนาธรไม่ได้ระบุเรื่องการนำทรัพย์สินเข้าบลายด์ทรัสต์ (Blind Trust) ในการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)นั้น นายปิยบุตรกล่าวว่า การทำบลายด์ทรัสต์ เป็นความประสงค์ของนายธนาธรเอง ไม่มีข้อกฎหมายใดกำหนด แต่นายธนาธรต้องการสร้างมาตรฐานความโปร่งใสที่นักธุรกิจผันตัวเองมาเล่นการเมือง ว่าเมื่อมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วจะไม่ใช้ประโยชน์ในทางไม่ชอบกับธุรกิจตนเอง และสิ่งที่นายธนาธรตกลงกับบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อจะทำบลายด์ทรัสต์ก็ได้ดำเนินการไปแล้ว เพียงแต่ตอนนี้นายธนาธรได้เป็นส.ส. ที่ยังไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ของส.ส. เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ถ้าวันใดศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง และให้นายธนาธรปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ตอนนั้นก็จะมีอำนาจในการเป็นส.ส. และทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อนั้นนายธนาธรก็โอนทรัพย์สินให้กับบลายด์ทรัสต์
