“ธนาธร”ปลุกชาวแปดริ้ว อย่าหมดหวังแก้รธน. ลั่น ใช้กลไกสภา หยุดระเบิดเวลาประเทศ

“ธนาธร” ร่วมถกเวที “รัฐธรรมนูญใหม่” ซัด รัฐบาลออกแบบ “อีอีซี” หวังเอื้อกลุ่มทุน ไม่เห็นหัวประชาชน ชี้ นี่ไม่ใช่ยุคเผด็จการครึ่งใบ แต่เป็นเผด็จการที่มีการเลือกตั้ง ปลุกอย่าเพิ่งหมดหวังแก้รธน.60 หยุดระเบิดเวลาโดยสภา – ประชาชน

เมื่อวันที่ 22 กันยายน ทีมประชาสัมพันธ์พรรคอนาคตใหม่ รายงานว่า ที่ห้องประชุมบุษราคัม โรงแรมแกรนด์ รอยัล พลาซ่า จ.ฉะเชิงเทรา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกิจกรรม “จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน” โดยกล่าวว่า อยากเริ่มต้นเวทีวันนี้ด้วยการกล่าวถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งไม่กี่วันก่อนมีข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่งมีนัยสำคัญมาก เชื่อมโยงว่าทำไมรัฐธรรมนูญจึงมีความสัมพันธ์กับชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ในข่าวนั้นนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องอีอีซี ได้พูดไว้ว่า รัฐบาลที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับโครงการขนาดใหญ่เช่นอีอีซีมากเกินไป มากกว่าคุณภาพชีวิตประชาชน นี่คือวิธีคิดของรัฐบาลที่ผ่านมา ว่าจะพัฒนาประเทศต้องเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ก่อน เมื่อเติบโตแล้วจะดึงเอสเอ็มอี ดึงคนเล็กคนน้อยขึ้นมาได้ ซึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ทั้งนี้ อีอีซีคือการลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่สำหรับการพัฒนาประเทศ มีหลายโครงการในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก พบว่าไม่มีตรงไหนพูดถึงคุณภาพชีวิตของคนภาคตะวันออกเลย

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ถ้าเราไปดูที่ อ.บ้านโพธิ์ จะเห็นการใช้อำนาจพิเศษเพื่อรวบที่ดินทำกินไว้ในมือรัฐ แล้วปล่อยให้นายทุนเช่าเพื่อทำโรงงานอุตสาหกรรม หรือ อ.บางน้ำเปรี้ยว ชาวบ้านอยู่มาเป็น 100 ปี แต่กลับมีความพยายามยึดเอาเป็นที่ราชพัสดุ หรือที่ อ.บางละมุง ซึ่งเป็นที่ขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนซึ่งทำประมงตรงนั้นจะตายหมดถ้าเกิดขึ้น ขณะที่อ่าวอุดม อ.ศรีราชา โครงการขนาดใหญ่อย่างการถมทะเลกว่า 3 พันไร่ถ้าเกิดขึ้นจริง จะไม่ตอบสนองอะไรกับประชาชนในพื้นที่เลย และตอบคำถามไม่ได้ว่า บริเวณนั้นซึ่งเป็นสถานที่อนุบาลสัตว์น้ำที่สมบูรณ์มากที่หลงเหลือใน จ.ชลบุรี เพียงแห่งเดียว ทำไมจึงเกิดโครงการอย่างนี้ขึ้น เหล่านี้คือการที่พัฒนาโดยมองไม่เห็นประชาชน ถ้าเกิดการพัฒนาตามนี้ ถามว่าเอาวิถีชีวิตประชาชน เอาความมั่นคงของประชาชน เอาคนที่ถูกรุกไล่ที่ไปอยู่ที่ไหน ตนไม่ได้ต่อต้านการพัฒนา แต่การพัฒนานั้น คนเป็นทั้งทรัพยากรและเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาด้วย

“ประชาชนเสียสละรับกรรม รับมลพิษในนามการพัฒนามาเยอะ เราสร้างสนามบินได้แต่ไม่อาจจัดการระบบจัดการขยะที่่มีคุณภาพ ไม่กล้าลงทุนจัดการน้ำท่วมอย่างเป็นระบบให้ประชาชน เราตัดมอเตอร์เวย์ได้ แต่ไม่อาจหาที่ดินทำกินให้ประชาชนได้ จะเห็นว่าไม่มีประชาชนในอีอีซี ภายใต้ระบอบไหนที่กำเนิดอีอีซี สิ่งที่เกิดก็จะรับใช้ระบอบนั้น ทั้งนี้ อ.ปิยบุตรบอกว่า รูปแบบการปกครองเราจะย้อนกลับไปเป็นระบอบเผด็จการครึ่งใบ แต่ผมคิดว่า อ.ปิยบุตรใจดีเกินไป ผมคิดว่านี่คือระบอบเผด็จการที่มีการเลือกตั้ง ไม่มีประชาชนอยู่ในการพัฒนา เพราะฐานที่มาอำนาจของคนเป็นนายกฯไม่ได้มาจกาประชาชน แต่มาจากกลุ่มทุนใกล้ชิด คือ ส.ว. องค์กรอิสระ ดังนั้น พวกเขาจึงกล้าถวายสัตย์เช่นนั้น เพราะไม่มีประชาชนเป็นฐานอำนาจ พวกเขาจึงกล้าตั้งคนที่ถูกครหาว่าค้ายาเสพติดมาเป็นรัฐมนตรีเพราะไม่ต้องเกรงใจประชาชน พวกเขาจึงกล้าบอกกับประชาชนที่เดือดร้อนลำบากเพราะน้ำท่วมบ้านเรือนตัวเองให้ไปตกปลา ให้ไปทำประมง เพราะพวกเขาไม่เข้าใจประชาชน พวกเขาจึงออกแบบและดำเนินนโยบายอีอีซีเช่นนี้ เพราะพวกเขาไม่เห็นหัวประชาชน พวกเขาจึงเอางบกลางไปซื้อรถถังสไตรเกอร์ได้ แต่ไม่มีงบกลางช่วยน้ำท่วม เพราะพวกเขาไม่ได้มาจากประชาชน” นายธนาธรกล่าว

Advertisement

นายธนาธร กล่าวว่า รัฐประหารที่เกิดขึ้นเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 พาประเทศไทยเดินทางกลับไปสู่วงวนเดิมๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าอำนาจเป็นของประชาชน ตนมีความภูมิใจที่ได้เป็น ส.ส. แม้เขาไม่ให้ทำงานในสภาก็ตาม เพราะ ส.ส. เป็นอาชีพที่มาจากประชาชน ดังนั้น ถ้าอำนาจมาจากประชาชน การจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ก็ต้องทำเพื่อประชาชน นี่คือสิ่งที่ยืนยันความเชื่อมโยง แต่การจัดสรรทรัพยากรของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยถูกใช้เพื่อประชาชน ปัญหาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ตนคิดว่าเราหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้ว่า รัฐธรรมนูญคือข้อตกลง ว่าพวกเราในประเทศนี้จะอยู่ด้วยกันอย่างไร คือข้อกำหนดที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เรามารวมกันตรงนี้เพราะเห็นร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นระเบิดเวลา ไม่ช้าก็เร็วจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ยังพอมีเวลาที่เปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านวิธีการทางรัฐสภา โดยพรรคการเมือง ประชาชนมาร่วมกัน แม้โอกาสนั้นจะมีอยู่น้อยนิด แต่นี่เป็นเหตุผลว่าพวกเราต้องรณรงค์ด้วยกัน เพราะถ้าช้ากว่านี้ ระเบิดเวลาจะระเบิด เราต้องรณรรงค์หาฉันทามติร่วมกันใหม่ โดยอย่างแรกต้องเริ่มด้วยความหวังว่า สังคมที่ดีและเป็นธรรมกว่านี้เป็นไปได้

“สำหรับการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทุกฝ่ายพูดตรงกันว่ายากแน่นอน เพราะกลุ่มคนที่มีอำนาจจะเรียกว่าชนชั้นนำ อภิสิทธิ์ชน กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ พวกเขาออกแบบรูปแบบรัฐ กองทัพ รถถัง ปืน ก็เป็นคนกุมไว้ องค์กรอิสระก็เป็นคนแต่งตั้ง เขามีกลไก มีเครื่องมือเยอะมากที่จะจัดการคนที่ท้าทายอำนาจ อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดว่ายากแล้วเราไม่เริ่ม ก็จะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้ากล้าก้าวแรกด้วยกัน จะเปิดประตูความเป็นไปได้ใหม่ๆ เราจะสร้างความหวังให้กับคนที่หมดหวังไปแล้ว ให้ความหวังว่าสังคมที่ดีกว่านี้ยังเป็นไปได้ อย่าเพิ่งละทิ้งความฝัน อย่าเพิ่งหมดความหวัง” นายธนาธร กล่าว และตอบคำถามกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐธรรมนูญไม่สร้างประชาธิปไตย ต้องสร่างปรชาธิปไตยก่อน รัฐธรรมนูญ ว่า “ประชาชนพร้อมเลือกประชาธิปไตยมาตั้งนานแล้ว มีแต่กลุ่มอภิสิทธิ์ชนเท่านั้นที่ไม่พร้อม”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image