⦁…เหตุจาก “รัฐธรรมนูญเพื่อพวกเรา” ที่ “ส.ส.โหวตสวนมติพรรคได้” โดยมัดมือพรรค หาก “ขับออก” สามารถ “ย้ายไปพรรคอื่นโดยไม่หมดสมาชิกภาพ” ทำให้เกิดเกม “ดูด ส.ส.ฝ่ายตรงกันข้ามไปโหวตสนับสนุนตัวเอง” ในสถานการณ์ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” และหาก “โหวตแพ้” ตามประเพณีต้อง “ยุบสภา” หรือ “ลาออก” ทำให้ “ค่าตัว ส.ส.สูงลิบ” ใกล้โหวต “พ.ร.บ.สำคัญ” แต่ละครั้ง ข่าว “เพิ่มกำลังดูด ส.ส.” ลือกันกระหึ่มทุกที ทั้งที่ใครเลือกจะเดินทางนี้ย่อมชัดเจนว่าเห็นแก่ “ประโยชน์เฉพาะหน้าส่วนตัว” แต่ “ทำลายอนาคตทางการเมืองตัวเอง”
⦁…มองเผินๆ “พลังดูด” เป็นของ “พรรครัฐบาล” ซึ่งรู้กันว่าเงินสนับสนุนไหลเข้ามหาศาลจากทุกทาง จนลืมนึกกันไปว่า หาก “ฝ่ายค้าน” คิดจะเล่นเกมนี้ “ก็เล่นได้” ในวันที่ผู้คนเบื่อหน่ายรัฐบาล หลักๆ ไม่จำเป็นต้อง “เอาการเมืองออกมาเล่นกันบนถนน” เหมือนที่เคยเป็นมา แค่ “รวมพลังตั้งกองทุนจ่ายให้ ส.ส.รัฐบาลโหวตต้านมติพรรค” ลองนึกดูว่า “งูเห่า” ฝ่ายไหน ที่มีเหตุผลแบบ “ทำเพื่อประชาชน” มากกว่า ในยามที่ “ความเดือดร้อน” กระจายไปทุกหย่อมหญ้า
⦁…ไม่ว่าคำพูดจะก่อความรู้สึกแบบไหน แต่ “วิษณุ เครืองาม” ยังคือผู้ส่งสัญญาณการเมืองที่ชัดเจนที่สุด ล่าสุดพูดถึง “เลือกตั้งท้องถิ่น” ว่า “ยังไม่เห็นแนวโน้มจะเกิดขึ้นเมื่อไร” นั่นเท่ากับว่าที่คิดจะเลือกตั้งเร็วๆ นี้เป็นแค่ “ฝันหวาน” ด้วย “รัฐบาลยังไม่พร้อม” กำหนดการที่ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ประกาศก่อนหน้าว่าจะเลือก “ปลายปี’62 ถึงต้นปี’63” นั้น โยนทิ้งถังขยะไปก่อน
⦁…หากจะวิเคราะห์ความไม่พร้อม ประเด็น “ธรรมชาติของการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง” ฟังดูแล้วจะมีเหตุผลที่สุด “ใครมีอำนาจต้องเลือกโอกาสที่ตัวเองได้เปรียบ” ในสถานการณ์ที่ “ฟากรัฐบาล” ตั้งรับในทุกเรื่อง เลือกตั้งไปย่อมเล็งเห็นผลว่า “ใครจะเป็นผู้ชนะ” เมื่อ “เลือกแล้วแพ้” ยังดันทุรัง เท่ากับ “บริหารอำนาจแบบไม่ฉลาด”
⦁…ลองนึกดู “ผู้ว่าฯกทม.” เลือกเสร็จได้ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” มาเป็น ขณะที่ “อบจ.ทั่วประเทศ” หลายจังหวัดเป็นที่หวาดกังวลว่าคนของ “พรรคอนาคตใหม่” ที่เดินแรงในทุกพื้นที่จะกวาดมาไม่น้อย การเมืองจะเป็นแบบ “ป่าล้อมเมือง” ในภาวะที่อำนาจส่วนกลางอยู่ในสภาพประคับประคองได้อย่างทุลักทุเล หาก “ท้องถิ่น” เป็นคนละฝ่าย ในมุมความเสี่ยงของ “เสถียรภาพ” จะเป็นอย่างไร
⦁…การวิพากษ์วิจารณ์ในมุมที่ว่า กระเหี้ยนกระหือรือกันไม่น้อย ในปรารถนาที่จะให้ “พรรคอนาคตใหม่” ถูกยุบ ประเด็น “กู้เงินหัวหน้าพรรคมาหาเสียง” กลายเป็นความผิดร้ายแรง ขณะที่ “ขายโต๊ะ” ระดมเงินจาก “หน่วยงานรัฐ” และ “ทุนขนาดใหญ่” เพื่อหารายได้เข้าพรรค เป็นเรื่อง “ถูกต้อง” ทั้งที่สะท้อน “การใช้อำนาจ” และ “การครอบงำของทุน” ต่างกันลิบลับ ย่อมเป็นเสียงที่ชวนให้คิด
⦁…แม้จะพยายามอธิบายกันว่า “แก้ปัญหาปากท้องก่อน รัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวอะไร จะแก้เอาไว้ทีหลังได้” แต่วันใดก็ตามที่อุณหภูมิทางการเมืองกดดันให้อึดอัด “แก้รัฐธรรมนูญ” จะเป็น “ประเด็นเปิดเกมแยกตัวจากรัฐบาล” และเมื่อวันนั้นมาถึง “กุมาร” ทั้งหลายจะรู้จัก “การเมืองที่แท้จริง”
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่