“หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” เดิมทีเป็นความฝันของนักเรียนแพทย์คนหนึ่งที่เชื่อว่า สังคมที่ดี คือสังคมที่อยู่กันอย่าง “เฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข” เอื้ออาทร คนรวยช่วยคนจน คนแข็งแรงช่วยเหลือคนเจ็บไข้ได้ป่วย
พอเรียนจบ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ก็อาสาไปเป็น “หมอบ้านนอก” ยิ่งได้พบเห็นของจริง จึงคิดรูปแบบ วิธีการที่ให้รัฐบาลจัดงบแบบเหมาจ่ายต่อหัวต่อปี เป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับคนไทยทุกคน
เริ่มทดลองทำมาตั้งแต่ปี 2534 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
แต่มาสูญเสียเวลาและโอกาสไปกับรัฐประหาร “รสช.” ที่ต่อมานำไปสู่วิกฤตการณ์การเมือง “พฤษภาทมิฬ’35”
อุดมการณ์ “เฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข” ด้านสาธารณสุขของ “อาจารย์หมอสงวน” กลายเป็น “ความจริง” เมื่อเกิดเป็น “พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545” ตามแนวความคิด “ให้เลิกพูดว่า โรงพยาบาลขาดทุน แต่ให้พูดกันใหม่ว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับการรักษาทุกโรคโดยไม่ต้องล้มละลายจากค่าใช้จ่ายที่สูง”
รู้กันว่า ที่มาของความสำเร็จครั้งนี้คือ เมื่อ “อาจารย์หมอสงวน” นำเสนอนายกรัฐมนตรีในปี 2545
ทักษิณ ชินวัตร ผู้มองการณ์ไกลก็อ้าแขนรับทันที
นำไปสู่คำกล่าว “หมอสงวนคิด-ทักษิณทำ”!
เกิดเป็น “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ที่เป็น “ต้นธาร” ของพัฒนาการรูปแบบการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขด้านสาธารณสุขมาจนถึงทุกวันนี้
ระทึกอีกเพลาหลังรัฐประหารของ คสช.เมื่อ 22 พ.ค.2557
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชี้นิ้วเกรี้ยวกราดมาตลอดว่า 30 บาทรักษาทุกโรค “เป็นภาระ”
ผู้นำที่มาจากทหาร อาจเห็น เรือดำน้ำ เครื่องบิน รถถังเป็น “ความจำเป็นเร่งด่วน” ส่วนการลงทุนด้านสาธารณสุข เป็น “ภาระ”
เป็นที่น่าเศร้าใจเมื่อนึกถึง “อาจารย์หมอสงวน” ซึ่งมาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดด้วยวัยเพียง 56 ปีเมื่อปี 2551
หากรับรู้ได้ อยากให้อาจารย์หมอสงวนได้เห็นผลสะเทือนจากที่ “ไทย” ได้กลายเป็นตัวอย่างประเทศไม่ร่ำรวย แต่สามารถสร้าง “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ได้สำเร็จจนทำให้ “สหประชาชาติ” ประกาศให้ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” เป็น 1 ในเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ผลักดันให้ทุกประเทศบรรลุถึงในปี 2573
ทั่วทั้งโลกมีความกระตือรือร้นกับ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” หรือ “ยูเอชซี”
จะมีก็แต่ “นกแก้วนกขุนทอง” นักท่องจำเท่านั้น ที่เข้าไม่ถึงอารยธรรมทางปัญญาของโลก !?!!
