เมื่อกลไกทางการเมืองเคลื่อนไปตามระบบอันชอบของมัน ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ
เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเผชิญในวันที่ 25-27 กรกฎาคม
เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องได้ยินในวันที่ 18 กันยายน
ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องประสบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ต้องประสบ
ต่อกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกกล่าวหา 1 ในเรื่องการต้องคดีและถูกจำขัง ณ คุกออสเตรเลีย 1 การแอบอ้างวุฒิบัตร ปริญญาเอกย่อมไม่ถูกต้องเหมาะควร
ในเมื่อนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ตรวจสอบไม่มีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม
ในเมื่อเกิดความแคลงคลางในทางสังคม
ย่อมเป็นภาระหน้าที่ที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร จะต้องเข้าไปรับผิดชอบและทำหน้าที่แทนประชาชน
นี่คือหลักการอันกำหนดเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ นี่คือความชอบธรรมตามระบบและตามกลไกที่มีอยู่
การเชิญ นายสมชัย ศรีสุทธิยางกูร ในฐานะอดีตกกต.เข้ามาให้ข้อเท็จจริงในเรื่องของวุฒิบัตรอัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สำแดงออกมาจึงมีความจำเป็น
ขณะเดียวกัน เมื่อมีข้อมูลว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ได้ถูกจำขังเพียงปี 2536 หากยังมีปี 2531 ก็จำเป็นต้องตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็จะต้องเผชิญกับการตรวจสอบของสภาเมื่อร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เข้าสู่วาระการพิจารณา
แม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะ DESIGN เพื่อท่านอย่างไร
แต่ด้วยกลไกที่มีอยู่การตรวจสอบในฐานะรัฐมนตรี ในฐานะรัฐบาลก็ต้องดำเนิน นี่คือส่วนหนึ่งแห่งอำนาจของประชาชน