แม้การร้องทุกข์ แจ้งความ กล่าวโทษต่อ 12 นักการเมือง นักวิชา การและผู้ดำเนินการเสวนา ณ ลานวัฒนธรรมปัตตานีของ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ
จะกระทำในฐานะได้รับมอบหมายจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วน หน้า
คล้ายกับจะเป็นเรื่องของ กอ.รมน.ภาค 4
คล้ายกับจะเป็นไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา นั่นคือ ผอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งเป็นของ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 โดยตำแหน่ง
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผอ.รมน.ภาค 4 ย่อมขึ้นต่อ ผอ.รมน.ในส่วนกลาง นั่นก็คือ นายกรัฐมนตรี
เท่ากับทุกอย่างจะโยงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เช่นเดียวกับการกระทำของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ไม่ว่าในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ในที่สุดแล้วก็อยู่ในความรับผิดชอบของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
เพราะ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ดำรงฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจากฐานของตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
จึงมิได้เป็นเรื่องแปลกที่นอกจากจะมีตัวแทนพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย ปรากฏตัว
พร้อมกับ นายชัยเกษม นิติสิริ พร้อมกับ นายภูมิธรรม เวชย ชัย พร้อมกับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล
การต่อสู้ครั้งนี้ของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมิได้ต้องการปะทะกับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ตัวแทนกอ.รมน.ภาค 4
หากแต่เป้าหมายอย่างแท้จริงคือ ผอ.รมน. คือ นายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถามว่าในยุคคสช.เคยมีสภาพการณ์ทางการเมืองเช่นที่ปรากฏใน เดือนตุลาคม 2562 หรือไม่
ตอบได้เลยว่า ไม่มี และไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้
ตอบได้เลยว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า 1 มีรัฐธรรมนูญ 1 มีการเลือกตั้ง และ 1 มีสภาผู้แทนราษฎรอันมาจากการเลือกของประชาชน
นี่คือสภาพการณ์ใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญประสบ