สถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันต้องคำนึงถึงความเชื่อมั่นให้มากไว้ เพราะดูเหมือนว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา กำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นที่เคยได้รับความเชื่อถือ นับตั้งแต่ประเทศไทยเกิดความขัดแย้งกันเองภายใน ล่วงเลยมาถึงความสูญเสียชีวิตของประชาชน และการเสียประชาธิปไตยไประยะหนึ่ง ทำให้ความเชื่อมั่นต่อไทยในด้านการเมืองได้รับผลกระทบ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อมาคือ ความเชื่อมั่นของคนในชาติในความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แม้ฐานะทางการเงินการคลังของประเทศไทยอยู่ในระดับดี ความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นชักนำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เมื่อผู้บริโภคไม่มั่นใจนักลงทุนก็หวั่นไหว กระทั่งกลายเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่เป็นการบ้านซึ่งรัฐบาลต้องแก้ไข
ด้านสังคมก็เริ่มมีปัญหาต่างๆ ประดังเข้ามา เรื่องหนี้ครัวเรือนที่มีคำเตือนจากธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มปรากฏเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตาย ซึ่งสะท้อนสภาพของคนที่ไร้ทางออก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความเชื่อมั่นในการอำนวยความยุติธรรม มีเรื่องสิทธิมนุษยชนทั้งในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งหลายครั้งมีความเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล ทุกอย่างทุกประการที่เกิดขึ้นมาหลายปีได้ทำให้ความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบ
ปัญหาความเชื่อมั่นที่ได้รับผลกระทบนี้รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวคงไม่สามารถจะทำให้เกิดขึ้นได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น โดยแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นนั้นทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนล้วนรับทราบดีอยู่แล้ว รัฐบาลที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย ภาครัฐที่ยึดนิติรัฐนิติธรรม มี
ธรรมาภิบาล ภาคเอกชนที่ผลิตสินค้าที่มีมาตรฐาน รับผิดชอบต่อสังคม ภาคประชาชนที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต เป็นมืออาชีพ มีจริยธรรม ทุกประการเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของการสร้างความเชื่อมั่น
จากรากฐานดังกล่าว จะทำให้รัฐบาลได้รับการยอมรับ ภาคเอกชนมั่นใจและกล้าที่จะลงทุน ประชาชนให้ความร่วมมือ บ้านเมืองย่อมอยู่อย่างสงบสุข แต่หากความเชื่อมั่นรัฐบาลลดน้อยถอยลง ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจตกวูบ ภาคราชการไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน ความหายนะย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ดังนั้นความเชื่อมั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่สามารถเพิ่มความเชื่อมั่นให้มากขึ้นได้ ก็ควรจะรักษาความเชื่อมั่นเอาไว้ไม่ให้น้อยลง
