‘พิชัย’ เตือน ‘บิ๊กแดง’ ยันคนเสนอตัดงบทหาร รักชาติไม่แพ้กัน จี้จัดการคนเอี่ยวยาเสพติด-ปล่อยเฟคนิวส์

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองความมั่นคง” ได้สร้างความสับสนและเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในหลายประเด็น และที่สำคัญได้ทำลายความเชื่อมั่นซ้ำเติมให้กับประเทศไทยที่ความเชื่อมั่นของต่างประเทศลดต่ำมากอยู่แล้ว ในภาวะโลกปัจจุบันไม่ปรากฏว่ามีภัยจากคอมมิวนิสต์เหลืออยู่แต่อย่างใด และหากมีจริงกองทัพก็ยังซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากจากประเทศจีนที่ยังมีพรรคคอมมิวนิสต์ปกครองอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเป็นภัยคอมมิวนิสต์แต่อย่างใด แถมยังต่อว่าคนไปถ่ายรูปกับโจชัว หว่อง ที่ได้ชื่อว่าต่อต้านกับระบอบคอมมิวนิสต์ จึงไม่แน่ใจว่าจุดยืนที่แท้จริงของ ผบ.ทบ. คืออะไร

นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์อาจจะไม่เข้าใจว่าในทุกประเทศที่ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลในประเทศนั้นๆ ควรจะต้องพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมเพื่อนำเงินไปฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือความเป็นอยู่ของประชาชน การเสนอลดงบทหาร และลดการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ลดการเกณฑ์ทหาร เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือปากท้องของประชาชน เป็นหลักการปฏิบัติที่ทั่วโลกยอมรับ ไม่ได้แปลว่าไม่ได้รักชาติ หรือเกลียดกองทัพ ซึ่งตรงกันข้าม กลับยิ่งจะมีความรักชาติ รักประชาชน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้นำทางทหาร

ทั้งนี้ ผู้นำกองทัพที่ดี ต้องเห็นประโยชน์และความสุขของประชาชนมากกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ และสงครามไฮบริดที่แท้จริงคือ ความยากจน ความล้าหลังทางความคิด และการคอร์รัปชั่น

นายพิชัยกล่าวอีกว่า เรื่องหลักที่กองทัพควรจะต้องพิจารณานอกจากการลดงบกองทัพ และลดงบความมั่นคงที่ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ปรากฏว่ามีภัยร้ายแรงอย่างไรแล้ว พลเอกอภิรัชต์น่าจะต้องพิจารณาว่ากองทัพที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่เป็นภัยกับประเทศ แต่กลับยอมให้รัฐมนตรีที่พัวพันเรื่องยาเสพติดยังคงอยู่ในรัฐบาลได้อย่างไร ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงประเทศและเกียรติภูมิของกองทัพอย่างมาก อีกทั้งการที่อดีตคนในกองทัพที่ไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แต่กลับใช้สื่อรัฐปล่อยเฟคนิวส์เสียเอง โดยมีหลักฐานและพยานชัดเจนและพยานเป็นถึงรองอธิบดี ซึ่งกองทัพก็ควรจะต้องดำเนินการเช่นกัน ไม่ใช่จะไปกล่าวหาพรรคการเมืองว่าจะปั่นความคิดคนรุ่นใหม่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ปรากฏว่ามีข้อมูลเท็จหรือเฟคนิวส์แต่อย่างใด

Advertisement

ดังนั้น ถ้าอยากเห็นประเทศไทยก้าวหน้าต่อไป ทุกฝ่ายจะต้องหาจุดร่วมทางความคิด และหาแนวทางที่เหมาะสมที่จะนำพาประเทศนี้ก้าวหน้าต่อไปด้วยกันได้ หากยังคิดสับสนเพียงเพื่อต้องการกำจัดกลุ่มคนที่เห็นต่าง ก็น่าเป็นห่วงว่าประเทศไทยจะยิ่งประสบปัญหามากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image