ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ก่อตั้งมา 127 ปี จะมีการปรับรื้อโครงสร้างใหม่กันอีกรอบ
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจาก นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในวันที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแล ศธ. มาประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร ศธ. ว่า ศธ.จำเป็นที่จะต้องปรับรื้อโครงสร้างใหม่
โดยมี 2 ประเด็นหลักที่จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างตามที่นายณัฏฐพลระบุ
ประเด็นแรก การจะยกระดับการศึกษานั้นยังไม่พอหาก ศธ.ไม่แก้ระบบและโครงสร้าง ต้องยอมรับว่าระบบหรือโครงสร้าง ไม่ว่าการบริหารงานบุคคล โดยเฉพาะครูมีปัญหา ระบบที่เป็นอยู่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด เช่น การเข้าสู่ตำแหน่งหรือการเลื่อนตำแหน่งของครูและผู้บริหาร เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับครู ระบบทำให้จิตวิญญาณครูหายไป
ประเด็นที่สอง การที่ ศธ.มีองค์กรหลักหลายแท่ง และมีอิสระ ทำให้การทำงานไม่เชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นตัวอย่างที่กระทรวงอื่นไม่ควรทำ ฉะนั้นต้องกลับมาพิจารณาใหม่ ถอดบทเรียน
ในการพิจารณาเรื่องโครงสร้างของ ศธ.นั้นจะเน้นความเป็นเอกภาพ เบื้องต้นจะไม่กระทบผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน ส่วนจะเป็นการยุบรวมแท่งลดซี 11 ลงหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้
ปัจจุบันโครงสร้าง ศธ.เป็นกระทรวงเดียวที่มีผู้บริหารระดับ 11 มากถึง 4 คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสภาการศึกษา และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยก่อนนี้จะมีเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษารวมอยู่ด้วย แต่เพิ่งแยกออกไปรวมอยู่ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โครงสร้างดังกล่าวใช้มาตั้งแต่ปี 2546 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2546
ที่เป็นการปรับปรุงโครงสร้างระบบราชการครั้งใหญ่ของไทย
ย้อนไปช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการหยิบยกประเด็นการปรับรื้อโครงสร้าง ศธ.ขึ้นมาหารือหลายต่อหลายครั้ง มีทั้งการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาทบทวน แต่สุดท้ายก็
ไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ไม่มีการผลักดันนโยบายต่อ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาล รัฐมนตรี กลัวกระทบฐานเสียง เนื่องจากการปรับโครงสร้าง ศธ.จะส่งผลโดยตรงต่อผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการ 4-5 แสนคนทั่วประเทศ
ในการปรับรื้อโครงสร้างครั้งนี้ แม้นายณัฏฐพลจะตั้งธงเพื่อการยกระดับการศึกษาให้ดีขึ้น แต่ก็น่าคิดว่าการปรับรื้อโครงสร้าง ศธ.ใหม่จะทำให้คุณภาพการศึกษาไทยดีขึ้นได้จริงหรือไม่
เพราะหากดูกันจริงๆ แล้ว การศึกษาจะมีคุณภาพหรือไม่น่าจะอยู่ที่หลักสูตรการศึกษา คุณภาพการจัดการเรียนการสอนของครูเป็นหลัก
ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.วิทยากร เชียงกูล นักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการสภาวะการศึกษาไทย 2561-2562 ได้พูดบนเวทีจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น “รายงานสภาวะการศึกษาไทย ปี 2561/2562” ว่าแนวทางการปฏิรูปที่สำคัญ คือต้องปฏิรูปผู้บริหาร ครู อาจารย์ ปฏิรูปหลักสูตรการเรียนการสอน การวัดผล และปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการให้มีคุณภาพ ปฏิรูปการคัดเลือกคนเรียนครูอย่างเลือกเฟ้น และปฏิรูปหลักสูตรการสอน
ตลอดระยะ 3 เดือน ที่นายณัฏฐพลเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ยังไม่เห็นความชัดเจนในทิศทางการปฏิรูป
การศึกษา รวมถึงการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ทันกับโลกศตวรรษที่ 21
การกลับมาโฟกัสปรับรื้อโครงสร้างมากกว่าการปฏิรูปการศึกษา จะกลายเป็นวังวนเดิมๆ ของ ศธ.ที่ยังพายเรือวนอยู่ในอ่าง
สุพัด ทีปะลา