เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีการประชุมสภาผู้แทนราษฏรวาระ การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผล การเสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว จากนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบ โดยระบุว่า ฝ่ายค้านขอให้รัฐบาล พ.ร.บ.งบนำกลับไปร่างมาใหม่ เพราะงบฉบับนี้ไม่มีความเหมาะสม ไม่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เลย หากนำไปพิจารณาในภาพใหญ่ มี 4 ด้าน 1.การลงทุนภาคเอกชน 2.ลงทุนในประเทศ 3.ส่งอออก 4.การลงทุนภาครัฐ ทั้งนี้ การส่งออกมีความสำคัญมากทำรายได้ให้ประชาชนมีงานทำ “หากนำไปพิจารณาในภาพใหญ่ มีฟันเฟือง 4 ด้าน คือ 1.การลงทุนภาคเอกชน 2.ลงทุนในประเทศ 3.ส่งอออก 4.การลงทุนภาครัฐ ทั้งนี้ การส่งออกมีความสำคัญมากทำรายได้ให้ประชาชนมีงานทำ ฟันเฟืองตัวนี้มีความสำคัญ ฟันเฟืองตัวที่ 2 คือการลงทุนภาคเอกชน หากนำข้อเท็จจริงมาดูหนังศึกษากว่า 3 แสนคนยังตกงาน ปีหน้คาดว่าอาจตกงานถึง 5 แสน ที่จะประสบปัญหาการลงทุน การอุปโภคบริโภคของคนในประเทศ จะทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าของตนเองได้ ดังนั้นหากมองกำลังซื้อระดับกลางระดับล่าง กำลังซื้อหดตัวรุนแรง นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐที่นำไปจ่ายจริงอย่างมีประสิทธิภาพย่อมสร้างทำให้ระบบขับเคลื่อน แต่ในทางกลับกันหากไม่ได้การขับเคลื่อนย่อมทำให้ฟันเฟืองนั้นไม่เดิน ทอย่างไรก็ตาม การทำงบของ 5 ปีที่ผ่านมามียอดเพิ่มขึ้นทุกปี พยายามเพิ่มรายได้ไม่เพียงพอจึงได้กู้ทุกปีจนยอดเพิ่มสูงขึ้น” นายสมพงษ์กล่าว “เราใส่เม็ดเงินมหาศาลตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แต่ย้อนกลับไปดูก็จะรู้ว่าเป็นอย่างไร รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถทำให้ประเทศพัฒนาไปได้ ผมขอวิงวอนให้ประชาชนโปรดเข้าใจ ว่าฝ่ายค้านไม่ได้กลั่นแกล้ง ทำให้งบล่าช้า แต่ตนอ่านและศึกษาแล้ว ขอแนะนำให้รัฐบาลนำกลับไปปรับปรุง เพราะมีปัญหาหลายปัญหา เช่นการนำงบไปใช้ในภาพส่วนที่ไม่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ เช่นงบประมาณกลาโหม ที่เพิ่มกว่า 6 พันล้าน ไม่ได้สร้างความกินดีอยู่ดีให้ประเทศเลย ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนเหมือนกับปัญหาประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่” นายสมพงษ์กล่าว