‘บิ๊กตู่’ ลุกแจง หลัง “ศรันย์วุฒิ” จวก เอา 30 บาทรักษาทุกโรค ไปอวดยูเอ็น

 “บิ๊กตู่ ลุกแจง หลัง “ศรันย์วุฒิ” จวก เอา 30 บาทรักษาทุกโรค ไปอวดยูเอ็น ด้าน บิ๊กป็อก แจงปม ใช้เงินสะสม อปท. กระตุ้นศก.

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในการอภิปรายในช่วงดึงเริ่มเข้มข้นขึ้น ระหว่างการอภิปรายนายศรันย์วุฒิ ศรันย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ได้มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นายลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะทั้งในส่วนของเนื้อหา และลีลาการอภิปรายของนายศรันย์วุฒิ ที่ใช้น้ำเสียงดุดัน ซึ่งประธานฯในที่ประชุม ได้อนุญาตให้นายศรันย์วุฒิ อภิปรายต่อไปได้ เนื่องจากไม่ได้ขัดต่อข้อบังคับการประชุม และยังอยู่ในกรอบการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ กระทั่งไปพาดพิงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายฯ นำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไปพูดที่สหประชาชาติ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยกมือ เพื่อขอชี้แจง แต่นายชวน ระบุว่า หลังจากนายศรันย์วุฒิ อภิปรายเสร็จสิ้น จึงจะเปิดโอกาสให้นายกฯ ชี้แจงต่อไป

ต่อมา เวลา 21.35 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตอนที่ตนไปพูดที่ยูเอ็นไม่ได้พูดคำว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่พูดถึงโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งรัฐบาลนี้ทำต่อมาจากครั้งที่แล้ว และคนที่ทำความเสียหายให้กับโรงพยาบาลต่างๆนั้นเป็นรัฐบาลใครก็ไม่ทราบเหมือนกัน ตนเข้ามาพบว่า ทุกโรงพยาบาลเงินสะสมขาดทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กว่าจะเป็นการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้มีอีกหลายมาตรการที่มาด้วยกัน เช่น โรงพยาบาลสุขภาพประกันตำบล ซึ่งตนทำมาตั้งแต่ปี 2560 ได้มีการพัฒนาโรงพยาบาลประจำตำบล จำนวนกว่า 7,000 โรงพยาบาลจากที่ไม่เคยดูแลกันมาเลย ส่วนเรื่องอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ที่ท่านบอกว่า อยากให้คนละ 10,000 บาท อยากถามว่า อสม.มีจำนวนกี่ล้านคนลองคูณตัวเลขมาแล้วกัน ตรงนี้ไม่ว่ากันตนก็อยากทยอยให้ไปเรื่อยๆ แต่วันนี้ต้องมีการพัฒนาอสม.ที่สามารถดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้ เป็นหมอประจำบ้านได้ ซึ่งต้องมีการพัฒนาต่อไป อย่ามาพูดเรื่องการหาเสียงตรงนี้ ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ทุกคนพูดถึงเรื่องการให้ค่าอะไรต่างๆมากขึ้น ตนถามว่า ใครจะรับผิดชอบ รัฐบาลนี้จะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปให้ดียิ่งขึ้นมากยิ่งขึ้น อย่างที่ท่านบอกจาก 30 บาท ตนก็พัฒนามาเป็นระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีการเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชน ที่เขายอมรับว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้คิดเป็นไม่ใช่ฟรีอย่างเดียว

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้เเจงกรณีที่ถูกพาดพิงกรณีกระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งให้นำเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) มูลค่า 6 เเสนล้านบาท มาใช้เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า ตามข้อเท็จจริงของอปท.กว่า 7,000 เเห่งทั่วประเทศ มีเงินรวม 3 เเสนล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเงินดังกล่าว แม้ชื่อจะเป็นเงินสะสม เเต่ที่ไม่ใช่เงินสะสม แต่เป็นงบประมาณที่อปท.ใช้ไม่ได้ เเละใช้ไม่ทัน จึงทำให้มีเงินเหลืออยู่ ซึ่งเเต่ละที่มีไม่เท่ากัน อบต.บางแห่งคงเหลือหลักพันบาท อบจ.ใหญ่ๆมีหลัก 100 ล้านถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำมาใช้ได้ตามอำนาจหน้าที่ของอปท. แต่ต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ในการบริการประชาชน ซึ่งมีกฎระเบียบอยู่ รัฐบาลมีนโยบายที่ให้อปท.นำมาใช้ได้แต่ต้องเป็นไปตามระเบียบของราชการเพื่อแก้ปัญหาของท้องถิ่นเอง แต่ที่ผ่านมาก็มีบางแห่งที่ใช้ได้หรือใช้ไม่ได้เช่นกัน ไม่ใช่ใช้ได้ทั้งหมด เงินจำนวนดังกล่าวเมื่อนำไปใช้เเล้ว มีการทุจริตหรือไม่ ตนยอมรับว่ามี แต่ตนในฐานะที่กำกับดูแล ไม่เคยปล่อย อปท.ที่มีการทุจริต ไม่ว่าจะทำผิดจากเรื่องใดจะต้องมีการลงโทษ จึงอยากชี้แจงให้รับราบว่า มหาดไทย ติดตามเรื่องการใช้งบประมาณในส่วนนี้อยู่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image