บทนำ : โปร่งใส-ชี้แจงได้

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยว่าให้ฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายฝ่ายละ 18 ชั่วโมง นานที่สุดที่เคยมีการพิจารณามา ในภาพรวมจะใช้เวลาทั้งสิ้น 3 วัน มากกว่าที่ผ่านมา วาระแรกใช้เวลา 2 วันเท่านั้น แต่ทั้งนี้ไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ โดยสภา มา 5-6 ปีแล้ว ถือเป็นโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างเต็มที่และเป็นโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจง

นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อสภาว่า ปี 2562 เศรษฐกิจขยายตัวลดลงจากปี 2561 ด้วยผลของเศรษฐกิจโลก ส่วนปี 2563 คาดจะขยายตัวร้อยละ 3.0-4.0 ด้วยปัจจัยจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ชี้ว่า เฟือง 4 ตัวของเศรษฐกิจคือ การส่งออก 10 เดือนแรกติดลบ การลงทุน มีนักศึกษาจบใหม่ว่างงานถึง 300,000 คน ปีหน้าจะเพิ่มอีก 500,000 คน ชี้ว่าประเทศกำลังเหือดแห้งด้านการลงทุน การบริโภคในประเทศ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ งบประมาณซึ่งเป็นเฟืองตัวที่ 4 จึงสำคัญมาก หากจัดไม่เหมาะสม ย่อมหมายความว่าแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้ง 4 เฟือง ได้พังลง งบประมาณปีนี้ ใช้ไปกับส่วนที่ไม่ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขาดความชัดเจนในแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ งบกลางสูงอย่างน่าเป็นห่วงถึง 5.18 แสนล้านบาท จะทำให้รัฐบาลใช้ตามอำเภอใจ มีการใช้งบเกินตัว ขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง ปีนี้ขาดดุลสูงถึง 4.6 แสนล้านบาท มากสุดในประวัติศาสตร์ ทำให้เห็นว่า 5 ปีที่ผ่านมา การใช้งบมหาศาลเป็นไปอย่างด้อยประสิทธิภาพ

ดังที่นายชวนชี้ว่าไม่มีการพิจารณางบประมาณโดยสภามา 5-6 ปีแล้ว การพิจารณาโดย สนช.จากแต่งตั้ง บางครั้งใช้เวลาเพียง 30 นาที เท่ากับการใช้งบจากภาษีประชาชน ขาดการตรวจสอบ ในปีนี้การใช้เวลาเต็มที่ในวาระที่ 1 จึงถูกต้องและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ที่สำคัญคือสร้างความเข้าใจว่า งบประมาณต้องอยู่ใต้การตรวจสอบทุกจังหวะก้าว รัฐบาลเองจะได้มีโอกาสชี้แจง และหารือแนวทางต่างๆ และตระหนักถึงการใช้งบที่ต้องโปร่งใสและชี้แจงได้ ไม่ใช่เรื่องกระทำตามใจชอบ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศและการแก้ไขปัญหาของประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image