ชัยชนะของ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 5 นคร ปฐม มาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ
1 ปัจจัยจากอำนาจรัฐ
เห็นได้จากการออกกฤษฎีกาอันส่งผลให้นำไปสู่วันเลือกตั้งแม้จะเป็นวันหยุดแต่ก็เป็นวันพุธ ไม่ใช่วันอาทิตย์
1 ปัจจัยจากตระกูล “สะสมทรัพย์”
1 ปัจจัยจากตระกูล “สะสมทรัพย์” เดิมอันดำรงอยู่อย่างแนบแน่นกับผลงานและความสำเร็จที่ต่อเนื่องของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
2 ปัจจัยอันเป็นพื้นฐานเมื่อได้พลังจาก”อำนาจรัฐ”จึงทำให้คะแนนของ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ทะยานจาก 1 เป็น 3 หมื่น
มิใช่เพราะคะแนนและความนิยมของ”รัฐบาล”
ต้องยอมรับว่าคะแนนที่พรรคอนาคตใหม่ได้มาจากการเลือกตั้งเมื่อ เดือนมีนาคมมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ
1 ปัจจัยกระแสพรรค กระแสหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค
กระแสนี้ซึมซ่านอยู่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ กระแสนี้ซึมซ่านอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงประเภทฮาร์ดคอร์
ขณะเดียวกัน 1 ปัจจัยจากสภาพการณ์การแตกแบงก์พันอันเป็น ยุทธวิธีของพรรคเพื่อไทย โดยการเกิดขึ้นของพรรคไทยรักษาชาติ โดย การที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งคนลงสมัคร
เมื่อพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบคะแนนในส่วนนี้จึงเทไปให้กับพรรคอนาคตใหม่
แต่เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมคะแนนในส่วนของพรรคเพื่อไทย ในส่วนของพรรคไทยรักษาชาติ ก็หวนคืนไปยัง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์
คะแนนที่ได้มา 2 หมื่นจึงเป็นของพรรคอนาคตใหม่แท้ๆ
ชัยชนะของ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ในพื้นที่เขต 5 นครปฐม จึงมิใช่เพราะความนิยมที่มีต่อรัฐบาลและโดยเฉพาะต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตรงกันข้าม เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจที่ยังมีอยู่กับตระกูล”สะสมทรัพย์” ไม่แปรเปลี่ยน
ตรงกันข้าม เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจที่นอกจากให้กับตระกูล”สะสมทรัพย์”แล้ว ยังเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีต่อพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ความพ่ายแพ้ของพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด