เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อ กกต. หลังมีคำวินิจฉัยกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เคยแถลงข่าวว่าเมื่อเป็นนักการเมืองตนจะโอนหุ้นของบริษัทในเครือไทยซัมมิททั้งหมดให้บลายด์ทรัสต์เป็นผู้จัดการทรัพย์สิน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการแถลงก่อนวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้วปรากฏชัดเจนว่านายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจจากประชาชน รวมทั้งได้ ส.ส. จำนวน 83 คน หลังจากนั้นทุกคนคงจะทราบดีว่า ทำไมนายธนาธรจึงไม่โอนหุ้นให้กับบริษัทบริหารจัดการทรัพย์สินดำเนินการ ตามที่ตัวเองกล่าวไว้ แม้ว่านายธนาธรได้เข้ามาปฎิญาณตนในรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการตามที่พูดไว้แต่อย่างใด ล่าสุดนายธนาธรจะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามกฎหมาย ป.ป.ช. ปรากฏว่าก็ยังไม่ได้โอนบัญชีทรัพย์สินแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการที่นายธนาธรยังไม่ได้โอนโดยอ้างว่าตัวเองยังถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องคนละภาคส่วนกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานะของนายธนาธรก็ยังเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่อยู่ นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การที่ กกต.มีคำวินิจฉัยว่ากรณีดังกล่าวเป็นเพียงแค่การหาเสียงทั่วไป ไม่ใช่เข้าข่าย ลักษณะเป็นการหลอกลวง จูงใจให้เกิดคะแนนนิยมในตัวเองหรือพรรคของตัวเอง คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ มิฉะนั้นแล้วจะกลายเป็นบรรทัดฐานของนักการเมืองในอนาคตต่อไปว่าในการหาเสียง จะไปพูดจากลับประชาชนอย่างไรก็ได้ โดยที่ตัวเองไม่จำเป็นต้องไปทำ เพราะเรื่องนี้จริงๆ แล้ว หากจะถือว่าเป็นการหาเสียงนั้นต้องพูดในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่กำหนดไว้ในข้อบังคับพรรค ที่พรรคเหล่านั้นได้จดแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้จดแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 โดยนโยบายของพรรคก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของการที่ผู้บริหารพรรคหรือหัวหน้าพรรค ต้องโอนบัญชีทรัพย์สินไปให้บริษัทจัดการทรัพย์สินแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็อยากให้ กกต.ทบทวน เพราะว่าวันที่ตนได้มายื่นคำร้องไว้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อาจจะยังไม่มีเรื่องของแบบแสดงบัญชีทรัพย์สินของนายธนาธร แต่วันนี้นายธนาธรได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็น่าจะเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ ที่จะบ่งชี้ว่าการกระทำดังกล่าวของนายธนาธรก่อนการหาเสียงจะแถงข่าว ว่าโอนหุ้นของตัวเองทั้งหมดที่อยู่ในไทยซัมมิท ให้บลายด์ทรัสต์เป็นผู้จัดการ ซึ่งเรื่องเหล่านี้น่าจะเข้าข่ายการจงใจหลอกลวง เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงของตัวเอง ซึ่งเป็นบทต้องห้ามของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) เมื่อถามว่า กกต.มองว่า การแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวของนายธนาธร เป็นเพียงแค่การหาเสียงเท่านั้น นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ถ้านักการเมืองทุกคน หาเสียงไปลักษณะที่ไม่สามารถทำได้ เช่น จะปูถนนด้วยทองคำ จะสร้างตึกหรือมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กทั้งประเทศ แต่ว่าตัวเองไม่สามารถทำได้ มิฉะนั้นการปฏิรูปการเมือง ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งมี ส.ส.แต่ละพรรคการเมืองได้หาเสียงกับประชาชน จะโม้จะพูดจะคุยอะไรกับประชาชนก็ได้ โดยไม่มีความผิด ซึ่งเรื่องเหล่านี้คิดว่าไม่ควรเป็นบรรทัดฐานในการหาเสียงเลือกตั้ง