เมื่อวันที่ 27 ต.ค. นายภิญโญ ขันติยู สมาชิกพรรค และ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคอนาคตใหม่ สกลนครเขต 1 แสดงความเห็น กรณี ข่าว อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จะมีการลาออกในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ 50 คน โดยระบุว่า
ประเด็นที่เพื่อนพ้องน้องพี่ หยิบยกมาเป็นเหตุผลในการยื่นใบลาออกคือ 1 พรรคไม่ได้จัดสรรตำแหน่ง ผู้ช่วย ส.ส. ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ ตามที่พรรคเคยสัญญาไว้ 2 พรรคไม่เห็นหัวผู้แพ้ มีคำเหยียดหยาม มองผู้แพ้เป็นแค่ขยะ 3 ยำยีไม่รับฟังคนในพรรค แบ่งคนในพรรคออกเป็นชนชั้น 4 ความไม่พอใจในการคัดสรร ทีมลง นายก อบจ.
ผมขอชี้แจงสิ่งนี้กับสังคม จะปล่อยผ่านไปไม่ได้ จะทำให้สังคมเข้าใจผิดไปใหญ่ ในฐานะเป็นผมเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. การที่เราก้าวเดินเข้ามาในพรรคตั้งแต่วันแรกทุกคนมีความต้องการเห็นบ้านเมืองของเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การเมืองแบบใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไว้ให้ลูกหลานเรา ที่ไม่อยากให้เขาโตมาแล้วเจอสังคมแบบที่เราเจอ
พวกเราทั้งหมดก็ผ่านขบวนการอบรม การหล่อหลอมทั้งอุดมการณ์ และวิธีการทำงานในพื้นที่เพื่อที่จะได้มาซึ่งคะแนนและชัยชนะ เราต้องการอำนาจเพื่อพัฒนาประเทศ เราไม่ได้ต้องการอำนาจเพื่อใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง อดีตผู้สมัคร ทุกคนคงจำกันได้ ตลอดระยะเวลาของการรณรงค์หาเสียง พวกเราได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกันมาโดยตลอดทั้งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ เราเหนื่อยมาด้วยกัน ลงพื้นที่หาเสียงเดินมากเป็นต้นๆของทุกพรรคหรืออาจจะมากกว่าทุกพรรค ด้วยทรัพยากรทีมีอยู่อย่างจำกัด จนเราได้คะแนน มา 6.3 ล้านเสียง ซึ่งหลายๆคนบอกว่าคาดไม่ถึง แต่พวกเราลงพื้นที่เราคาดการณ์ ถูกมาโดยตลอดว่าคะแนนเราเท่าไหร่ จากการที่ทำงานที่หนักหน่วงของพวกเรา ทำให้เราประสบความสำเร็จ ได้ ส.ส.เข้าสภา 81 คน (ถ้าไม่เจอการคำนวณแบบพิศดารก็คง 87 คน) เป็นพรรคที่มี ส.ส. เป็นอันดับ 3
หลังจากเสร็จศึกเลือกตั้ง 1 อาทิตย์ พรรคได้เรียกประชุมที่ชลบุรีอีกครั้ง ในวันนั้นเราได้สรุปผลการเลือกตั้งและงานที่พวกเราจะทำต่อกันอย่างไรในพื้นที่ ในวันนั้น อ.ปิยบุตร บอกว่า ถ้าใครจะทำงานกับพรรคต่อ พรรคของเรามีงานให้ทำเยอะตามความสามารถและความถนัดของแต่ละคน ในวันนั้นได้แบ่งงานออกเป็น 3 ส่วน แล้วให้ อดีตผู้สมัครเราลงชื่อ
1 #งานในสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.ที่สอบผ่าน และ ผู้สอบไม่ผ่านก็จะไปเป็น ผู้ช่วย ส.ส. ผู้ชำนาญการ และผู้เชียวชาญ 2 #งานสร้างพรรคการเมือง ขยายอุดมการณ์ ทำพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองให้ได้ และวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างอาชีพต่างๆให้ชุมชน โดยผ่านทางคณะทำงานจังหวัด 3 #งานการเมืองท้องถิ่น
ถ้าจำกันได้พวกเราลงทั้ง 3 อย่างนี้เท่าๆกัน
หลังจากกลับลงพื้นที่ สภาเปิด ทางพรรคก็ได้มีการจัดตำแหน่ง ผู้ช่วย ผู้ชำนาญการ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งส่วนหนึ่ง ส.ส.คัดเลือกเอง อีกส่วนหนึ่งพรรคช่วยคัด โดยเน้นที่การทำงานเป็นหลัก และพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อจะได้ทำงานให้พรรคได้ทุกพื้นที่ ตรงนี้เราเคารพการตัดสินใจ ของ ส.ส.และของพรรค ซึ่งเท่าที่ผมดูก็ตามความเหมาะสมจริงๆครับ คนที่ไม่ได้รับเลือกไม่ใช่คุณไม่มีความสามารถ แต่อาจจะไม่เหมาะสมในเวลาและพื้นที่ตรงนั้น แน่นอนครับมีทั้งคนผิดหวังและสมหวัง เพราะตำแหน่งที่เหลือให้พรรคจัดไม่ได้ครบกันทุกคน ยอมรับมติพรรคครับ คนที่ผิดหวังถ้ามีความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงประเทศเราควรจะทำงานการเมืองต่องานในพื้นที่ต่อควบคู่กับการทำงานส่วนตัวของเรา ในเมื่อเรามี ส.ส.ในสภา มีผู้ช่วย ส.ส. มีประเด็นปัญหาอะไรในพื้นที่เราก็สามารถช่วยพี่น้องประชาชนได้ ด้วยการที่เราก็ส่งให้พรรคพวกเราในสภาทำหน้าที่ และที่สำคัญพรรคยังมีงานอีก 2 ส่วนที่ให้พวกเราทำ ทั้งงานสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมือง และงานวิสาหกิจชุมชน งานท้องถิ่น มีให้เราทำเยอะครับถ้ามีความตั้งใจจริง
ส่วนอีกประเด็นเท่าที่ผมทำงานกับพรรคพรรคไม่เคยที่จะไม่เห็นหัวอดีตผู้สมัครและมองว่าเป็นขยะ อันนี้ยืนยันครับ การแบ่งชนชั้นในพรรค ก็ไม่ได้เกิดขึ้น แต่จะเป็นการมอบหมายงานแบ่งงานกันทำตามความถนัดและความสามารถ แบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งอาจจะทำให้ อดีตผู้สมัครบางคนคิดว่านี่คือการแบ่งชนชั้น
ส่วนประเด็นความไม่พอใจในการคัดสรรคนลง นายก อบจ. ถ้าไปดูกติกา คะแนนไพรมารี่โหวต 25% และความคิดเห็นจากกรรมการพรรค 75% (ส่วนพรรคอื่นๆมติกรรมการพรรคจะ 100% เลย) พรรคจะดูความสามารถ และอุดมการณ์เป็นสำคัญ จะตระกูลใหญ่มาจากไหนอดีตจะมีคะแนนเสียงเท่าไหร่ พรรคไม่ได้คิดตรงนั้น พรรคมองว่าจะพัฒนาจังหวัดนั้นๆอย่างไร และแน่วแน่ตั้งใจแค่ไหน ผมเชื่อมั่นในการตัดสินของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งที่ผ่านมาก็ตัดสินได้ถูกต้องมาโดยตลอด หลังจากเคาะบางจังหวัดแล้วทำให้คนที่ไม่ได้รับคัดเลือกออกมาเรียกร้องโวยวาย นั้นยิ่งตอกย้ำว่าพรรคคัดคนถูกต้องแล้ว
ผมขอยืนยันว่าหลัการและเหตุผลต่างๆของพรรคยึดโยงการทำให้ประเทศนี้ดีขึ้นเปลี่ยนแปลงสู่การพัฒนาเพื่อส่งมอบสังคมที่ดีกว่านี้ให้ลูกหลานเรา ไม่ได้เพื่อผลประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาจจะทำให้ไม่พอใจของคนในพรรคบางคนบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องปกติ แต่หลักและแก่นของพรรคไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่นอน กระแสที่เกิดขึ้นคือมุมบวกครับ การเวลาพิสูจน์คน คัดกรองคน จะยิ่งทำให้พรรคแข็งแกร่งขึ้น ยอมรับและเคารพการตัดสินใจของพวกเราบางคน ทุกคนมีเหตุผล นี่คือความสวยงานของประชาธิปไตย
ผมคนหนึ่งที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไรในพรรค และไม่เคยเรียกร้อง เป้าหมายของเรายิ่งใหญ่กว่าการที่จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับพรรค
“เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน”