ไม่ว่าคำประกาศตัด GSP จากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าคำ ย้ำเตือนอีกคำรบหนึ่งโดยอุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
ดูเหมือนรัฐบาลจะไม่ได้ “สำเหนียก” อย่างเพียงพอต่อสัญญาณอันส่งมาหลายช่องทาง
ว่าอะไรคือ ธงที่ทางสหรัฐชูขึ้นสูงเด่น
สหรัฐไม่ได้เอ่ยถึงการเปิดช่องทางให้เนื้อหมูของตน สหรัฐไม่ได้เอ่ยถึงมติแบน 3 สารพิษต้องห้ามซึ่งกำลังเป็นประเด็นและเรื่องอื้อฉาว ในสังคมไทย
ตรงกันข้าม มีการเน้นอย่างหนักแน่นและจริงถึงเรื่องสิทธิแรงงาน อันเป็นปัญหาค้างคาอยู่ในประเทศไทย
เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อปี 2548
ถามว่าปัญหาเกี่ยวกับแรงงานที่กลายเป็นปัญหานั้นแม้จะมีความพยายามเน้นอย่างหนักแน่นจากกระทรวงแรงงานว่าเป็นเรื่องของแรงงานต่างด้าว
แต่ความเป็นจริงจากจดหมายเปิดผนึกของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิ สาหกิจสัมพันธ์(สรส.)ของไทย
เป็นเรื่องของ “แรงงานไทย” ที่มีการร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2548
ยิ่งฟังข้อมูลจากผู้นำแรงงานที่ต่อสู้ในเรื่องนี้ก็มีความเด่นชัดว่าองค์การแรงงานของสหรัฐได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบถามความคืบหน้าในการคลี่คลายปัญหาทุกปี
แม้ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเคยนำเรื่องเข้าสภาและมีมติว่าเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ในระดับกระทรวงแต่ก็ไม่เคยมีการแก้ไขในทางเป็นจริง
ตรงนี้ต่างหากที่กลายเป็น”ไม้เด็ด”ของสหรัฐ
ถามว่าหากปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สามารถแก้ได้ในรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แล้วรัฐบาลหลัง”รัฐประหาร”เล่าทำไมกลายเป็นปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หลังรัฐประหาร 2549 ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังรัฐประหาร 2557
กระทั่งปล่อยให้คาราคาซังมาถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562
“ข้อมูล”เรื่อง”แรงงานไทย”ต่างหากที่แหลมคม