แคมเปญ “อยู่ ไม่ เป็น” ของพรรคอนาคตใหม่ จะหมายถึงอะไร
หมายถึงการต่อสู้ ที่ไม่อยู่ในขนบ
โดยอาศัยเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ ทำสงคราม CYBER WARFARE ตามยุคสมัย
หรือไม่ ยังไม่แจ่มชัด
จะดีไม่ดีคงต้องรอวันที่ 16 พฤศจิกายน จึงจะทราบ
กระนั้น แคมเปญหรือแนวทางการต่อสู้ทำนองนี้ ทำให้ย้อนไปถึงหนุ่มสาวยุคอนาล็อก ที่รู้สึกถึงการไม่อยากหรือปฏิเสธการอยู่ในกรอบเดิม-เดิม
เพียงแต่ไม่ใช้คำว่า “อยู่ ไม่ เป็น” หากแต่ใช้คำว่า “ขบถ” แทน
พอเขียนถึงคำคำนี้
โลกเก่า โดยเฉพาะ “โลกกระดาษ” แม้โรยแรง แต่ก็กวักมือเรียกอย่าง “มีใจ”
เริ่มด้วย พจนานุกรมฉบับมติชน ช่วยปูพื้น “ขบถ” อย่างมีกลิ่นอายวรรณกรรม
ขบถ [ขะ-บด] ก.ขัดขืนต่ออำนาจรัฐ
โดยปริยายใช้ หมายถึง ขัดขืนต่ออำนาจหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางสังคม
เช่น ฉันเป็นขบถ ฉันจึงมีชีวิตอยู่
น. ผู้ขัดขืนต่ออำนาจรัฐ หรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางสังคม
คำที่ผู้ปกครองอำนาจรัฐเรียกผู้ลงมือประทุษร้ายหรือคิดแย่งชิงอำนาจนั้น
(ปาก) ผู้กระทำการช่วงชิงอำนาจปกครองแล้วเป็นฝ่ายแพ้ กบฏ ก็ใช้
คำว่า ขบถ-กบฏ แม้จะเคียงคู่อยู่กับคำว่า แพ้
แต่ดูเหมือนหนุ่มสาวในแต่ละสมัย พร้อมจะ “เลือก” ทางนี้
อาจเพราะ “ฉันขบถ ฉันจึงมีชีวิตอยู่”
ประโยคที่เป็นดั่งประโยคประจำตัวของ อัลแบรฺต์ กามูส์ นักเขียนและนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส รางวัลโนเบลจากนวนิยาย “คนนอก” ทั้งที่ยังมีอีกหลายประโยคที่เขาเขียนถึง อาทิ
“หนทางเดียวที่จะต่อกรกับโลกที่ไม่เป็นอิสระคือกลายเป็นคนอิสระโดยสัมบูรณ์ จนกระทั่งการดำรงอยู่โดยแท้จริงของคุณเองนั้นคือการ
กระทำแห่งการก่อกบฏ” (เฟซบุ๊ก :คนบ้าหนังสือ – Madman Books)
เช่นเดียวกับ มีนักเขียนนามอุโฆษอีกหลายคนเขียนถึงขบถ
อย่าง “วิญญาณขบถ” ของ คาริล ยิบราล แปลเป็นไทยโดย
“กิติมา อมรทัต”
ในคำนำของ “กิติมา อมรทัต” เขียนไว้ว่า “…มนุษย์นั้น ถูกสาปให้มีเสรีภาพ”
นักปรัชญาเลื่องชื่อคนหนึ่งเคยประกาศไว้เช่นนั้น
และนักประพันธ์นามอุโฆษอีกท่านก็เคยกล่าวในทำนองเดียวกันว่า มนุษย์อาจถูกทำลายได้ แต่พ่ายแพ้ไม่ได้
เสรีภาพในตัวของมันเองแล้วก็คือความสุข
มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีพลัง และยืนหยัดอยู่ในโลก
เสรีภาพนี่เองจึงเป็นพลังผลักดันให้มนุษย์กระทำการต่างๆ ในการดำรงชีวิตอยู่
ก็ในเมื่อเสรีภาพเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามต้องการและใฝ่ฝันหา แล้วอะไรเล่าเป็นตัวขวางกั้นมนุษย์ออกจากเสรีภาพ?
สิ่งนั้นคือ อำนาจ
อำนาจเมื่ออยู่ในมือของผู้ใดหรือคนกลุ่มใด
คนเหล่านั้นก็จะใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือในการ “เก็บเกี่ยว” เสรีภาพจากผู้อื่น หรือคนกลุ่มอื่นมาเป็นของตน และพวกตน เช่นนี้เพื่อให้ได้มาซึ่ง “เสรีภาพ” มนุษย์ผู้รักและใฝ่หาเสรีภาพ
จักต้องไม่ทำเมินเฉยต่อเสียงเรียกร้องจากส่วนลึกในห้วงหัวใจ
เขาจักต้องลุกขึ้นยืนหยัด และปฏิเสธต่อ “อำนาจ” ทั้งมวลที่ได้ตักตวง และลิดรอนเสรีภาพของพวกเขาไป
“อำนาจ” ต่างๆ ประดามีในสังคม อาจเป็นเหมือนพายุร้ายที่พัดกระหน่ำลิดรอนผล และดอกใบพฤกษา แห่งชีวิตของมนุษย์ผู้โหยหาเสรีภาพ
อาจหักโค่นกิ่งและลำต้นของมัน แต่มิอาจทำลายรากและเมล็ดพันธุ์ที่ฝังอยู่ของมันได้
ฉันขบถ…ฉันจึงมีชีวิตอยู่
จึงเป็นหลักการที่มนุษย์ผู้ใฝ่อิสระและความสมบูรณ์ของมนุษย์ทั้งในแง่ส่วนตัว หรือในแง่สังคมส่วนรวมจะต้องมี
(ที่มา ลุงต้าลี่ : “วิญญาณขบถ” ลึกซึ้งเพียงแค่อ่านคำนำ จากบล็อก oknation)
ย้อนยุคไปพิจารณา การ “อยู่ ไม่ เป็น” ของคนในโลกเก่าก็เพลิดเพลินดี
ส่วน อยู่ ไม่ เป็น ในโลกใหม่ เป็นอย่างไรก็ต้องติดตามดู
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร