เอกภาพในการต้านพรรคประชาธิปัตย์ ต้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากพรรคพลังประชารัฐ
เป็นเอกภาพอันน่าศึกษาอย่างวิเคราะห์ด้วยความจริงจังอย่างเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะมาจากสายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่าจะมาจากสายของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสายของอดีตพรรคประชาธิปัตย์เก่า
ไม่ว่าจะเป็น นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ ไม่ว่าจะเป็น นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ซึ่งรู้ทุกจังหวะก้าวและทุกกลเม็ดทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์อย่างทะลุปรุโปร่ง
การเตะตัดขา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงรุนแรงแข็งกร้าว
เหตุผลมิได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 53 ส.ส. ขณะที่พรรคพลังประชารัฐมี 116 ส.ส.
แต่เหตุผลสำคัญเพราะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จุดอันตรายที่สุดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้อยู่ที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มิได้อยู่ที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี และมิได้อยู่ที่ยืนหยัดในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หากแต่อยู่ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ แคนดิเดตเพียงหนึ่งเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”
แม้ไม่ได้เป็น ส.ส.แต่ก็ยังดำรง “สถานะ” นี้อยู่ไม่แปรเปลี่ยน
การผลักดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญจึงมิได้มีเป้าหมายอยู่ที่รัฐธรรมนูญ หรือบทบาทความหมายภายในพรรคประชาธิปัตย์
หากแต่ที่สำคัญคือการตีเสมอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พลันที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาอยู่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เท่ากับเป็นคู่แข่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นคู่แข่งที่ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติโดยเฉพาะเท่ากับเป็นการสร้างเงื่อนไขให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีที่ยืนทางการเมืองผ่านกระบวนการศึกษาเรื่องรัฐธรรมนูญ
ศักย์แห่งความเป็น “ผู้นำ” ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะโดดเด่นขึ้นโดยอัตโนมัติ
นี่เป็นเรื่องที่ฝ่ายยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐยอมไม่ได้