“นายกฯ” ถึงกาญจนบุรี อารมณ์ดีร่ำวงคึกคัก ลั่นปท.ต้องไม่แตกแยก-สร้างความเกลียดชัง ชี้ครม.พรรคร่วมสามัคคี ยันยึดกฎหมายบริหารปท.ไม่คิดรังแกใคร ขอรับความทุกข์ปชช.ใส่กระทงลอย
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. เวลา 17.30 น. พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเดินทางถึงโรงงานกระดาษไทย ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยทันทีที่นายกฯ มาถึงมีขบวนกองยาวให้การต้อนรับ ซึ่งนายกฯ ร่วมรำวงกับคณะกองยาวอย่างคึกคักด้วย ก่อนที่จะติดตามโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์พัฒนาเมืองเก่าโดยพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุแปลงโรงงานกระดาษไทย และเป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาต ให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า วันนี้อยากจะกล่าวว่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบปะชาวกาญจนบุรีอีกครั้งก่อนที่จะร่วมลอยกระทงกันในค่ำคืนนี้ ซึ่งวันนี้วันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ฉะนั้นวันนี้ถือเป็นวันมงคลที่ได้พบกัน ดังนั้นอยากจะบอกเล่าถึงนโยบายรัฐบาลที่ให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลในการทำงานช่วงที่ผ่านมาจนถึงวันนี้และวันต่อๆไปด้วยคำมั่นสัญญาจะทำให้ดีที่สุดในการทำงานพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ มุ่งสร้างความเข้มแข็งในการกินดีอยู่ดี ยกระดับสาธารณสุขยก คุณภาพชีวิต การศึกษาให้กับพี่น้องทุกท่าน
นายกฯ กล่าวต่อว่า ทุกอย่างที่พูดมาตั้งแต่เช้ายันค่ำตั้งแต่การเป็นนายกรัฐมนตรีมา พูดด้วยใจไม่ได้มีการเสแสร้ง พูดให้รักประเทศไทยของเรา ถ้าเราไม่มีจิตสำนึกตรงนี้ประเทศไทยจะไปยังไง จะขอให้เรามีความสุขคนเดียวก็พอ หรือครอบครัวเดียวก็พอ กลุ่มเดียวก็พอมันไม่ใช่ มันจะไปไม่ได้แน่นอน วันนี้รัฐบาลยืนยันจะต้องแก้ไขปัญหาทุกอย่างทั้งที่ผ่านมาและเกิดในปัจจุบันและปัญหาที่จะเข้ามาในวันข้างหน้า เรียกว่าความเสี่ยงในโลกใบนี้จะเกิดขึ้นอีก ฉะนั้นรัฐบาลมีหน้าที่หลายอย่างรวมถึงวางอนาคตประเทศในวันข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่นทั้งหมด ต้องช่วยกันไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตามจะต้องช่วยกันเพราะนี่คือแผ่นดินของเรานี่คือบ้านเมืองของเรา ดังนั้นเราจะต้องไม่แบ่งแยก แตกแยก วันนี้มันทำไม่ได้
“รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง มาจากหลายพรรคการเมือง รัฐบาลจะทำงานได้ก็ต้องมีการบริหารที่เหมาะสม ผมไม่อาจกล่าวอ้างว่าผมเป็นคนเก่งที่สุดในโลก มันไม่ใช่ แต่ผมจะนำความเก่งของทุกคนทุกท่านมาร่วมมือแก้ปัญหาให้กับประชาชน นั่นคือหลักการทำงานของผมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมื่อใดที่ประเทศชาติมีปัญหาพวกเราต้องร่วมมือกัน ต้องไม่ทำให้เกิดความแตกแยก แบ่งแยก สร้างความเกลียดชัง สิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อไป ผมขอแค่นี้ไม่ขออะไรจากท่านมากกว่านี้เพราะไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้ เพื่อที่ผมจะได้ทำงานให้ท่านได้” นายกฯ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่าในเรื่องของกฎหมายจำเป็นจะต้องดูแลไม่ใช่รังแกใคร ถ้าไม่ทำผิดอะไรจะทำอะไรเขาได้ โดยไม่มีอำนาจก้าวล่วงสิ่งต่างๆ เหล่านี้บ้านเมืองเติบโตมามีประวัติศาสตร์เราจะถูกทำลายเพียงคนไม่กี่คน ดังนั้นให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจ ดีใจที่ได้มาที่นี่ แล้วเห็นไหมว่าที่นี่ไม่มีความขัดแย้งอะไรใครทำให้ขัดแย้งตนไม่เข้าใจถ้ามีปัญหาเดือดร้อนเรื่องปากท้องตนแก้ให้ได้ แต่เดือดร้อนเรื่องอื่นตนจนปัญญา และตนเป็นนายกฯ ที่ต้องดูแลคน 70 ล้านคนและ 77 จังหวัด และวันนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มาจากหลายพรรคมีความสามัคคีกันและจากนี้ให้ส.ส.ปรับท่าทีการทำงานแบบเชิงรุก นอกจากรับฟังปัญหาจากประชาชนจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพูดกับประชาชนเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกรัฐมนตรีขึ้นบนเวที โดยระบุว่าครม.มาจากหลายพรรคแต่สามัคคีกัน พร้อมแนะนำให้ประชาชนรู้จักรัฐมนตรีทีละคนว่าเป็นใครอยู่กระทรวงไหน สังกัดพรรคอะไร และช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์มองหารัฐมนตรีสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่พบใคร จึงเอ่ยปากถามว่าประชาธิปัตย์อยู่ไหน ก่อนจะเรียก ส.ส. จากพรรคร่วมขึ้นเวที พร้อมกับกล่าวว่า มีอะไรก็คุยกัน วันนี้ส.ส.ทุกคนต้องปรับท่าทีให้ทำงานเชิงรุกในการทำความเข้าใจกับประชาชนว่าประเทศจะเดินหน้าอย่างไรเพื่อหาทางให้ทุกคนร่วมมือกันได้ ก่อนเรียกกำนันผู้ใหญ่บ้านออกมาสมทบหน้าเวที
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายกฯ ยังได้กล่าวอย่างอารมณ์ พร้อมกับชี้ชวนให้ชาวบ้านทั้งหมดหันไปดูพระจันทร์ที่กำลังเต็มดวงบนท้องฟ้า พร้อมบอกว่าที่อยู่บนเวทีคือ จันทร์โอชา และกล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ตนพูดพูดไปอย่างนี้ เพราะมาที่นี่แล้วมีความสุข จากนั้นนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำกระทงขนาดใหญ่มอบให้นายกฯ โดยนายกฯ ได้กล่าวว่า ท่านรัฐมนตรีมอบกระทงนี้ให้ ดังนั้นอยากให้ทุกคนเอาความทุกข์ใส่ไว้ในกระทงนี้ ใครมีความใครมีความทุกข์ก็ฝากไว้ ตนจะเอาลงลอยน้ำไป ตนขอเป็นที่รองรับความทุกข์ของทุกคน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมร้องเพลงลอยกระทงอย่างคึกครึ้น
จากนั้น เวลา 18.30 น. นายกฯ ได้ร่วมรับประทานอาหารเย็น ร่วมกับคณะรัฐมนตรี ที่โรงงานกระดาษไทย ซึ่งมีการออกซุ้มอาหาร และนั่งรับประทานอาหารกันบนโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากลอมฟาง พร้อมมีวงดนตรีสุนทราภรณ์ ซึ่งมีนายชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ มาร้องขับกล่อม และยังมีนายเทวัญ ทรัพย์แสนยากร นักแซกโซโฟนชื่อดังของไทย มาร่วมแสดงดนตรีบนเวที โดยมีอยู่ช่วงหนึ่ง นายกฯ ได้ขึ้นไปขับร้องเพลงอาลัยรัก ร่วมกับนายชรินทร์บนเวที นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังได้ถือโอกาสนี้ขึ้นเวที ขึ้นเป่าแซกโซโฟน ที่นำมาเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
