บิ๊กตู่ บอกนักกีฬา ยังอยู่อีกนาน อย่าเพิ่งเบื่อ รับอยากหนุนกีฬา แต่ปท.มีปัญหาเศรษฐกิจ

“บิ๊กตู่” ลั่นยังอยู่อีกนาน ไม่ต้องกลัว ชี้การทำงานทุกอย่างมีกลไกการทำงานหมด ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบ

เมื่อ‪เวลา 09.30‬ ‪น.‬ วันที่ 13 พ.ย.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้โอวาทคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เจ้าหน้าที่และนักกีฬาทีมชาติไทยที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับนักกีฬาทุกคนที่ได้รับคัดเลือกไปร่วมแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ขอให้ย้อนไปดูว่าการแข่งขัน 29 ครั้งที่ผ่านมาผลการแข่งขันเป็นอย่างไร มีปัญหาตรงไหน และจะแก้ไขได้อย่างไร ซึ่งทุกคนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปด้านการกีฬาของประเทศให้ก้าวหน้า ทั้งนี้การไปต่างประเทศทุกครั้ง เหมือนทุกคนแบกหน้าตา แบกชื่อเสียงและแบกความหวังของคนไทยไปด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้ได้ชัยชนะ เพราะบางย่างได้แล้วแต่รักษาไม่ได้ บางอันก็ไม่เคยได้ ดังนั้นทุกคนต้องตั้งใจทำให้ดีกว่าเดิม เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ต้องทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม และแก้ปัญหาเดิม ๆ ให้ได้ โดยใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา เหมือนนักกีฬาที่ใช้กำลังกายและกำลังใจในการแก้ไขปัญหาและแข่งขันกีฬา พร้อมกับหามิตรไปด้วย ซึ่งรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ พร้อมกับการเสริมสร้างสุขภาพอนามัย ซึ่งประเทศชาติที่ดีแข็งแรง และเข้มแข็ง ต้องมีทรัพยากรมนุษย์ที่เข้มแข็ง ขอให้ทุกคนคิดเสมอว่าเราจะเป็นอะไรและทำอะไรในอนาคต หากมองอนาคตไว้ล่วงหน้า ก็จะนำตัวเองไปสู่อนาคต แต่หากไม่มีเป้าหมาย คิดแต่ไปแข่งแพ้ ชนะไม่เป็นไร กลับมาก็เป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง จึงขอให้ทุกคนสร้างแรงบันดาลใจให้ได้ โดยเฉพาะสมาคมกีฬาต้องไปทบทวนว่าเหรียญที่เคยได้ หรือเหรียญที่ไม่เคยได้จะทำอย่างไร นี่เป็นการปฏิรูปการกีฬาของประเทศ ทั้งนี้อนาคตอยากเห็นนักกีฬาของเรามีรูปร่างสูง และสมรรถนะร่างกายเทียบเท่าต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำกับรมว.การท่องเที่ยวและกีฬาให้เสริมสร้างเรื่องกีฬาให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ต้องมีการเตรียมคน เตรียมสถานที่ และทุกอย่างใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่อย่าลืมว่างบประมาณมีจำกัด วันนี้ประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องต่างๆ จำเป็นต้องดูแลประชาชนที่มีรายได้น้อย เพราะประเทศอยู่ในขั้นตอนการปฏิรูปและขับเคลื่อนในอนาคต ซึ่งรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำร่วมกับทุกคน ร่วมถึงภาคเอกชน ต้องช่วยกันสนับสนุน โดยเฉพาะนักธุรกิจที่มีเงินเยอะ ขอให้ช่วยกันทำงานมากยิ่งขึ้น

Advertisement

“วันนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศ อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง เราคิดแบบเดิมและทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ถ้ายังคิดแบบเดิมก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ประเทศก็จะถอยหลัง จะเห็นว่าเมื่อก่อนสถิติของเราอยู่ในอันดับต้น ๆ แต่ต่อมาเราอยู่ในอันดับ 2 และ3 ซึ่งไม่ใช่ความบกพร่องของเรา แต่เป็นความบกพร่องของอดีตที่ผ่านมา ที่ไม่ได้มองเป้าหมายอนาคตไว้ล่วงหน้า ดังนั้นรัฐบาลนี้ ต้องมองอนาคต หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยว่าทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร แต่วันหน้าจะรู้สึกว่า ที่เราทำมีประโยชน์อย่างไร อยากให้ทุกคนเข้าใจ ว่าทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าประเทศ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการไปร่วมการแข่งขันกีฬาทุกคนต้องทำหน้าที่เหมือนทูตวัฒนธรรม ที่ต้องนำขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของไทยไปเผยแพร่ ซึ่งวันนี้โซเชียลมีเดียกำลังเติบโต นักกีฬาที่จะไปแข่งขันในโทรศัพท์ทุกคนจะต้องมีสิ่งสวยงาม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารไทยไปอวดเพื่อน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรไปคุยกับเขา ท้ายที่สุดก็ไปนินทาคนนั้นคนนี้ ไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งในโซเชียลก็เป็นอย่างนี้ ขัดแย้งกันทุกวัน ตนก็ปวดหัว แต่ก็มีกำลังใจในการเดินหน้าประเทศไปกับทุกคน เพราะประเทศชาติไม่ใช่ของตน แต่เป็นของคนในชาติกว่า 70 ล้านคน จึงทำอย่างไรให้เดินหน้าไปได้

“ขณะที่ไปแข่งขันกีฬา นอกจากตัวเองแล้ว ประเทศไทยก็อยู่กับตัวท่าน คิดแค่ 2 เรื่องนี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องมาคิดถึงผม ไม่ต้องคิดถึงโค้ชอีกแล้ว ท่านต้องเอาชัยชนะกลับมา ซึ่งใครที่ได้ชัยชนะก็ต้องรักษาให้ได้ การได้แชมป์ ได้เหรียญ ยากอยู่แล้ว แต่การรักษาไว้ยากยิ่งกว่า ให้ทุกคนคิดถึงประเทศไทย วันนี้ผมพยายามขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ เพื่อประเทศไทยต้องเป็นที่หนึ่งในใจของเราเสมอนั่นคือคำว่า ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ทุกคนคือประเทศไทย ถ้ามองประเทศก่อนก็จะกลับมาสู่ตัวเราเอง ว่าจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับประเทศ หรือไทยแลนด์เฟิร์ส ถ้าไม่คิดตรงนี้ก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ทั้งชาติ ศาสนา พระมาหากษัตริย์ อยู่ตรงไหน ตัวเราเองอยู่ตรงไหน” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อย่าไปฟังใครพูดจนบิดเบือนไปทั่ว เพราะชัยชนะทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานความมีน้ำใจและการเคารพกติกาให้เกียรติคู่แข่ง อย่าไปดูถูก และต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ บางครั้งผมเห็นตอแยกรรมการกันมากเกินไป ดูแล้วน่ารำคาญ ตัดสินแล้วก็ไม่ยอมรับ บางทีคนดูก็รำคาญ เพราะเห็นกันชัดอยู่แล้ว แต่ยังไปตอแยกรรมการ คนดูก็ไม่ชอบ ดังนั้นต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ ยินดีกับคนที่ชนะ เพราะเป็นเพื่อนกันทั้งโลก ให้กำลังใจเขาด้วย หากเล่นกีฬาด้วยความโกรธ ทุกอย่างจะดรอปไปทั้งหมด เหมือนผมเวลาโมโหคน ผมก็รู้สึกว่าการทำงานของผมด้อยไปทันที เพราะสมองเสียไป เสียเวลากว่าจะปรับมาอีกทีก็หลายชั่วโมง ดังนั้นทุกคนต้องทำใจ ต้องใช้ธรรมะมาช่วย เพราะเราเป็นคนไทย”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเช้าเปิดทีวีมีข่าวกติกานักฟุตบอลโลกที่มี 10 กว่าข้อ เช่น รายงานตัวช้า ประชุมช้า จะมีค่าปรับ กติกาทุกอัน เป็นระเบียบวินัย ทำให้คุมกันได้ แต่ของเราเงินไม่มาก ถ้าตัดเงินก็จะโวยวายกัน ดังนั้น ต้องมาดูตัวเราว่าทำผิดกฎกติกาหรือเอาเปรียบเพื่อนหรือเปล่า ไม่ว่าใคร แต่พูดในภาพรวมการกีฬาของประเทศ นิสัยสบายๆต้องเลิก ต้องมีวินัย ทุกอย่างต้องมีค่าเดินทาง ค่าแข่งขัน 7-8 ร้อยล้านบาท ดังนั้นต้องมีวินัยในการไปแข่งขัน และขอให้สร้างนักกีฬาที่มีคุณธรรม เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศ เพราะตนพยายามขับเคลื่อนประเทศไปในแนวทางที่ปฏิรูปใหม่ ในแนวความคิดใช้สติปัญญา มากกว่าที่จะไปอุดหนุนจนไม่รู้จะจบกันเมื่อไหร่ ถ้าอย่างนี้ใช้สติปัญญาน้อย ไม่ต้องใช้มาก หาเงินให้ได้เท่านั้น ใครอยากได้อะไรก็ให้ แต่แน่นอนมีผล ดังนั้น เราต้องสร้างความเข้มแข็งกับเขาไปด้วย

รัฐบาลต้องทำหน้าที่ทั้งการแก้ปัญหาที่ผ่านมา และทำปัจจุบันเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและมองอนาคตประเทศชาติว่าจะเดินไปอย่างไรข้างหน้า ตนเป็นห่วงเรื่องคนตกงาน ดังนั้นต้องดูตั้งแต่ต้นทางเลือกเรียนสาขาตรงความต้องการของตลาด วันนี้ศตวรรษที่ 20 การเรียนการสอนต้องปรับ สอนให้รู้จักคิด พูด ทำ และการแสดงออก ไม่ใช่เป็นความขัดแย้งแต่เพียงอย่างเดียว คิดด้วยหลักการและเหตุผล ซึ่งกฎหมายทุกประการมีหมด

“วันนี้ผมถูกถามทุกเรื่อง คนถูกจับก็ถามนายกฯ เรียกตัวไปสอบ ถามนายกฯว่ายังไง ทั้งที่เขามีกลไกการทำงานหมดแล้วทุกเรื่อง ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบตรงนั้นตามกฎหมาย ซึ่งคนไม่เข้าใจว่ากฎหมายมีไว้เพื่ออะไร ทำให้ทุกคนเกิดโอกาสที่เท่าเทียม เข้าถึงทุกอย่างได้พร้อมกัน ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นี้คือกฎหมายทุกตัว ทำให้เกิดพื้นที่ว่างสำหรับทุกคนในการเข้าถึง แต่หากทุกคนไม่เคารพกฎหมายพวกนี้เลย ก็จะทะเลาะกันเวลามีเรื่อง อีกทั้งโลกวันนี้เป็นโลกโซเชียลมีเดียที่เข้าถึงข่าวสารกันได้ ทุกคนเป็นได้หมด ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร เป็นได้หมด ถึงเวลามีเรื่องมาก็วิจารณ์ในฐานะเป็นตำรวจ เป็นศาล เป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ วิจารณ์เองได้หมด เลยทำให้ปั่นป่วนไปหมด ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศเราประเทศเดียวก็ทุกประเทศ ก็ขอขอบคุณอีกครั้ง และขอพูดเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกีฬา เพราะมีโอกาสเจอน้องๆเยาวชน ไม่ค่อยมากนัก สำหรับพี่ๆข้างหน้าก็อย่าเพิ่งเบื่อ ยังไงผมก็อยู่อีกนานพอสมควรไม่ต้องกลัว”นายกฯกล่าว

ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวช่วงท้ายว่า ขอทุกคนเดินทางปลอดภัย และแบกเหรียญกลับมาให้เต็มเครื่องบินมาให้ตน สัญญานะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะทีมชาติไทย ได้มอบกระเป๋าเป้ให้กับนายกฯเป็นที่ระลึก โดยนายกฯได้ชูกระเป๋าขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ผมรอไว้ใส่เหรียญ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image