ยุทธพงศ์​ ถาม บิ๊กตู่ หนี! ส่งพี่ป๊อกมาตอบ ต่อสัมปทานบีทีเอส ซัด ม.44ปลดส่อทุจริต

ยุทธพงศ์​ ถาม บิ๊กตู่ หนี! ส่งพี่ป๊อกมาตอบ ปมต่อสัมปทานบีทีเอส ซัด งัดม.44 ปลดส่อทุจริต มท.1 สวน จะมองแบบนั้นก็ได้ แต่ยืนยัน รบ. ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 13 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน เพื่อพิจารณากระทู้ถามสดของ นายยุทธพงศ์​ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรวงกลาโหม กรณี “หัวหน้าคสช.ออกคำสั่งที่ 3/2562 มายกเว้น พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2562 ในการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว” แต่มอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ชี้แทน โดยนายยุทธพงศ์​ กล่าวว่า ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ มาตอบ เพราะการให้มท.1 มาตอบแทน จะสามารถรับผิดชอบทางกฏหมายได้หรือไม่ เพราะกรณีนี้เป็นปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส และส่อไปในทางทุจริต ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้ไปสู่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย ดังนั้น มท.1 ไม่ได้เป็นผู้ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับนี้ แล้วจะรู้ถึงเหตุผลหรือไม่ว่า ทำมีคำสั่งฉบับนี้ออกมา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อตนถามมท.1 ท่านก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

นายยุทธพงศ์​ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯแล้ว โดยมีรายละเอียดรัดกุมมาก แต่พล.อ.ประยุทธ์ กลับออกคำสั่งคสช.มายกเว้น ระหว่างการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน จึงอยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช.มาออกคำสั่งที่ 3/2562 มายกเว้นกฏหมายร่วมลงทุนฯที่ออกมาในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เองทำไม นอกจากนี้ การอ้างเรื่องหนี้มาเป็นเหตุแห่งต่อสัมปทาน ซึ่งก้อนนี้ถือเป็นหนี้ระหว่างรฟม.กับกทม. ซึ่งถือเป็นหนี้ของรัฐเหมือนกัน ซึ่งเปรียบเสมือนกระเป๋าซ้ายกับกระเป๋าขวาของรัฐ ทั้งหมด จึงส่อให้เห็นว่า มีความเร่งรีบต่อสัญญาสัมปทานให้บีทีเอสอีก 30 ปี ทั้งๆสัมปทานเดิมยังคงเหลืออีก 10 ปี ซึ่งกรณีดังกล่าว สภาฯได้ส่งความเห็นของกมธ.วิสามัญฯที่มีส.ส.หลายพรรคการเมือง เพื่อยับยั้งการต่อขยายสัมปทานนั้น รัฐบาลได้ศึกษารายละเอียดหรือไม่ แล้วได้รับจดหมายของตนที่ส่งถึงครม.เพื่อขอให้ยับยั้งการต่อสัมปทานหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมั่นใจว่า ตรวจสอบได้ ตนขอท้าให้ไปออกทีวีดวนกับตนตัวต่อตัวหรือไม่ว่า เพราะเหตุใดถึงเร่งรีบ ทั้งๆที่รถยังวิ่งให้บริการได้อยู่ และทำไมถึงไม่รอให้สัมปทานหมดก่อนแล้วจึงเปิดประมูลใหม่เพื่อให้บริษัทอื่นที่สนใจเข้ามาร่วมประมูล ประชาชนก็ได้ประโยชน์สูงสุด

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า เหตุจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกคำสั่งคสช.ออกมา เนื่องจากปัญหาในระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการทั้งหมด โดยคาดว่า จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 18 เดือน ซึ่งจะกระทบต่อการให้บริการประชาชน และการบริหารหนี้ด้วย หากมองว่า การต่อสัมปทานครั้งนี้ส่อมีการทุจริตนั้นก็เป็นธรรมดาที่จะมองได้แต่ทั้งหมดนี้เป็นเจตนาเพื่อประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนที่จะต้องแบกรับค่าบริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม ตนแม้รัฐบาลจะออกคำสั่งคสช.มายกเว้นกฏหมายร่วมลงทุนฯ แต่ตนยืนยันได้ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯแล้ว เพราะเมื่อพิจารณาดูตามองค์ประกอบนั้น ได้มีการแต่งตั้งครบทุกคนและมีเพิ่มเติมมากกว่าที่กฏหมายกำหนดด้วย อาจะพูดได้ว่า คณะกรรมการชุดนี้อาจเป็นไปด้วยนัยยะที่จะให้ประโยชน์ให้กับรัฐเพื่อจะแก้ปัญหาแล้ว อย่างไรก็ตาม จดหมายที่ท่านได้ส่งมาตนได้รับแล้ว รวมถึงข้อคิดเห็นของสภาด้วย ซึ่งจะตนรับไว้ และจะนำเรียนนายกฯเพื่อพิจารณา รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย

Advertisement

“ยืนยันอีกครั้งว่า ที่จำเป็นต้องขยายนั้นเป็นเรื่องหนี้สาธารณะ ที่กทม.ต้องรับมาจากรฟม. ซึ่งมีดอกเบี้ยสูงถึงปีละ 1พันล้าน และกทม.ต้องชดใช้เงินต้น ดังนั้น ตนถามว่า รัฐบาลจะนำเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศมาชดใช้ให้กับคนกทม. สมควรหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ครม.ยังต้องหารายละเอียดก่อนจะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ส่วนเวทีที่จะสร้างความเข้าใจกับประชาชนนั้น ท่านส.ส.ก็มีรัฐสภา มีกลไกลที่จะใช้วิธีการยื่นกระทู้ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ท่านมีทุกอย่างก็น่าจะเป็นแนวทางของประเทศที่จะเจริญหน้าทุกอย่างอยู่แล้ว” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image