การประสานระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับกรณีการถือครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลัง ประชารัฐ
ถือได้ว่าเป็นการประสานอย่างเหมาะเจาะและกลมกลืน
เพราะไม่ว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ไม่ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ล้วนเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ และในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลงานส.ป.ก.
ต้องยอมรับว่าแต่ละคำพูดอันเกี่ยวกับที่ ส.ป.ก.มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากที่สุด
เพียงแต่กรณีที่ดินกว่า 1,700 ไร่มิได้เกี่ยวกับส.ป.ก.เท่านั้น
หากยังสัมพันธ์กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
บังเอิญที่เมื่อกรณีการถือครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ปะทุขึ้นอย่างอึกทึกครึกโครม เป้าหมายแรกที่แวดวงข่าวพุ่ง เข้าไปคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวง นายวราวุธ ศิลปอาชา มาจากพรรคชาติไทยพัฒนา
หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่เพียงแต่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ หากที่สำคัญยังเป็นกรมอุทยานแห่งชาติอันเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
คำถามมิได้อยู่ที่ว่าการถือครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่เกินที่ ส.ป.ก.กำหนดหรือไม่ หากแต่ว่าที่ดินกว่า 1,700 ไร่มีส่วนไหนที่เป็นป่าและส่วนไหนเป็นป่าเสื่อมโทรม
การกลมกลืนระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ จึงเสมอเป็นเพียงชวด ฉลู แต่ยังมีขาล เถาะ รออยู่
หากเป็นเรื่องในความรับผิดชอบโดยตรงของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เรื่องที่ดินกว่า 1,700 ไร่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อาจไม่ยืดเยื้อ
เนื่องจากเป็นเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐโดยตรง
ยิ่งระหว่างการไปตรวจราชการที่ราชบุรี ภาพ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เดินตามและเข้าสวมกอด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งเป็นภาพอันอบอุ่นอ่อนหวาน
ยิ่งทำให้เรื่องที่ทำท่าว่าอาจบานปลาย กลายเป็นกรณีในแบบเขายายเที่ยงไปก็เป็นได้
บังเอิญมีพรรคชาติไทยพัฒนามา”แทรก”จึงอาจต้องยาวออกไป
ภายในพรรคพลังประชารัฐอาจเป็นชวดกับฉลู แต่เมื่อถึงพรรคชาติไทยพัฒนาก็มีโอกาสเป็นขาล เถาะ
