แม้ปรากฏการณ์ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน จะเป็นสัญญาณแห่งการอยู่เย็นเป็นสุขยิ่งของ 251 ส.ส.กับ 249 ส.ว.
แต่เมื่อมีการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
ก็เริ่มมี “อาการ” ที่มิได้ “อยู่เย็นเป็นสุข” เหมือนเดิม
และเมื่อมีการใช้เครือข่ายของ “สื่อ” ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เล่นงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รุนแรงแข็งกร้าว
อย่างน้อยการดำรงอยู่ของพรรคภูมิใจไทย การดำรงอยู่ของ นาย อนุทิน ชาญวีรกูล ก็มิอาจ “อยู่เย็นเป็นสุข” ต่อไปอีกได้
การ “อยู่เย็นเป็นสุข” จึงเป็นฤดูกาลอันแสนสั้นภายใน “รัฐบาล”
ไม่ว่ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้เป็นเรื่องลี้ลับ
ไม่ว่าความไม่พอใจจากพรรคพลังประชารัฐก็มิได้เป็นเรื่องลี้ลับ
ยิ่งกรณีการขุดคุ้ยโจมตีต่อกระบวนการทำงานของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยิ่งดำเนินไปอย่างอึกทึกครึกโครม
ผ่านเครือข่าย “สื่อ” ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
มีการฟ้องร้องกันในขอบเขตทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน การกระจายข่าวสารผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ การวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ การถ่ายทอดผ่านออนไลน์
ไม่ว่าคนของพรรคพลังประชารัฐย่อมรู้ ไม่ว่าคนของพรรคภูมิใจไทยย่อมรู้
จึงยากอย่างยิ่งที่จะ “อยู่เย็นเป็นสุข” ร่วมกันได้
ความเป็นจริงทั้งหมดนี้ปรากฏเด่นชัดในเดือนตุลาคมและต่อเนื่องมายังเดือนพฤศจิกายน
เรียกตามสำนวนชาวบ้านก็หม้อข้าวก้นยังไม่ทันดำ
เพราะเป็นเวลาเพียง 4 เดือนของการร่วมกันขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
251 ส.ส.ที่เคยร้องเพลงเดียวกันเริ่มผิดคีย์
คู่หนึ่ง คือ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ คู่หนึ่ง คือ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย
ล้วนแล้วแต่ไม่อาจ “อยู่เย็นเป็นสุข” ร่วมกันได้
