ลูกน้อง ‘ชวน’ แจงกฎเหล็กไม่ล้วงลูกกมธ. แค่ลดซ้ำซ้อน สวน ‘จิรายุ’ ใครๆก็รู้คุณลูกน้องใคร

ลูกน้อง ‘ชวน’ แจงกฎเหล็กไม่ล้วงลูก กมธ. แค่ลดความซ้ำซ้อน ยันมีมาตั้งแต่สมัย ‘ชัย ชิดชอบ’ แล้ว อัด ‘จิรายุ’ อย่ากล่าวหาบิดเบือน ยัน ‘ชวน’ ไม่มีลูกน้องอย่าง ‘จิรายุ’ ที่ชอบแสดงความโง่ออกมา

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกระเบียบสภาด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบสวนหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ.2562

นพ.สุกิจกล่าวต่อว่า สาเหตุที่มีการออกระเบียบดังกล่าวเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภา พ.ศ.2562 ข้อ 90 วรรคสี่ และวรรคหก ที่กำหนดให้ประธานสภาออกระเบียบดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภา ที่ว่าด้วยการให้คณะกรรมาธิการสามัญต้องรายงานเรื่องใดๆ ให้ประธานสภาทราบ ซึ่งข้อบังคับการประชุมสภามาจากความเห็นชอบของที่ประชุมสภา ดังนั้น ระเบียบที่ออกมาจึงไม่ได้เป็นเรื่องการใช้อำนาจของประธานสภาโดยตรงแต่อย่างใด เพราะเป็นการดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมสภา

นพ.สุกิจกล่าวต่อว่า ดังนั้น การที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ออกมาพูดกล่าวหาประธานสภาว่าแทรกแซง จึงเป็นการอ่านข้อบังคับการประชุมสภาไม่ครบและไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะระเบียบดังกล่าวประธานสภาไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง แต่ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ร่างระเบียบดังกล่าวออกมา และไม่ได้เป็นการใช้อำนาจประธานสภาในการแทรกแซงแต่อย่างใด อีกทั้งระเบียบลักษณะนี้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 สมัยนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภา ดังนั้นการรายงานเช่นนี้จะมีประโยชน์ คือการทำให้ประธานสภาได้ทราบว่ามีคณะกรรมาธิการคณะไหนทำงานซ้ำซ้อนกันหรือไม่

Advertisement

“การที่นายจิรายุบอกว่าเขาไม่ใช่ลูกน้อง ประธานสภาไม่มีสิทธิมาสั่งนั้นก็จริง เพราะใครๆ ก็รู้ว่านายจิรายุ เป็นลูกน้องใคร” นพ.สุกิจกล่าว

ส่วนกรณีที่นายจิรายุคัดค้านการประชุมสภาในวันที่ 22 พ.ย. เพราะมองว่าเป็นการหลอกให้คณะกรรมาธิการมารายงานเรื่องที่จะทำต่อสภา และจะล้วงลูกการทำงานของฝ่ายค้านนั้น นพ.สุกิจกล่าวว่า การที่นายจิรายุกล่าวหาเช่นนั้นไม่ถูกต้อง เพราะการประชุมสภาวันที่ 22 พ.ย. เป็นการพิจารณาญัตติที่ค้างการพิจารณาเท่านั้น หากไม่มีการประชุมนัดพิเศษในวันที่ 22 พ.ย. จะทำให้ญัตติดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณาเลย แสดงให้เห็นว่านายจิรายุไม่อ่านวาระการประชุมที่ส่งให้เลย

ด้านนายสมบูรณ์กล่าวว่า การทำงานของสภาเวลานี้เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น ระเบียบที่ประธานสภาออกมานั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภา ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีคณะกรรมาธิการบางคณะได้รายงานประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการเข้าไปให้ประธานสภาทราบบ้างแล้ว

Advertisement

“วันนี้สภาและสังคมต้องการคนที่ดีไปบริหารบ้านเมือง ประธานสภาตั้งใจทำงานให้กับประชาชน ขอร้องว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบิดเบือนเป็นอย่างอื่น ขอให้คุณจิรายุแสดงความรู้ความสามารถออกมาให้เห็น เหมือนสุภาษิตที่ว่าเถียงกับบัณฑิตกับนักปราชญ์ กับผู้รู้ ถึงเราแพ้ก็จะได้ปัญญากลับมา แต่ถ้าเถียงกับคนโง่ เราจะได้แต่ความหดหู่ และความสมเพช ซึ่งนายชวนคงไม่มีลูกน้องอย่างคุณจิรายุ เพราะนายชวนถือหลักลูกน้องมี 4 ประเภท 1.ฉลาดแล้วขยัน 2.ฉลาดแล้วขี้เกียจ 3.โง่แล้วขยัน และ 4.โง่แต่ขี้เกียจ และลูกน้องที่อย่าเอาไว้ข้างตัวคือโง่แล้วขยัน เพราะพวกนี้จะทำแต่เรื่องเดือดร้อน เรื่องอย่างนี้ที่คุณจิรายุแสดงความโง่ออกมา” นายสมบูรณ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image