เมื่อเวลา 18.15 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา เกียกกาย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดสภาพการเป็น ส.ส.ว่า ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล แม้ว่านายธนาธรจะถูกตัดสิทธิแต่ยังเป็นหัวหน้าพรรค ผู้นำพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าเมื่อไรที่มีการลงมติเลือกนายกฯ นายธนาธรก็ยังมีสิทธิที่จะได้รับการเลือกเป็นนายกฯ คำตัดสินครั้งนี้สมาชิกพรรคไม่ได้เสียใจ ทุกคนยังทำหน้าที่ในสภาด้วยความยิ้มแย้ม เพราะนายธนาธรไม่ได้เข้าร่วมประชุมสภาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เสียดายที่นายธนาธรไม่มีโอกาสได้อภิปรายในสภา ซึ่งในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายธนาธรเป็นตัวหลักในการเตรียมข้อมูล และวางแผน
“เราไม่ได้กังวลอะไรเพราะคิดไว้ตั้งแต่ตอนตั้งพรรคแล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วเราคงเจอมรสุมแบบนี้ เราพร้อมสู้ทุกคดี จาก 25 คดีตอนนี้เหลืออีก 24 คดี หากจะมีมาเพิ่มอีกก็พร้อมสู้ ผมเห็นว่าหนังม้วนเก่าที่ฉายซ้ำๆ มาหลายรอบแล้ว หมดเวลาฉายหนังม้วนเก่า ควรปิดกองถ่ายได้แล้ว ตกลงประเทศนี้จะลงทุนเผาป่าเพื่อฆ่าหนูตัวเดียวจริงๆ หรือ” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรกล่าวว่า เวลานี้ ส.ส.หลายคนที่มีคดีเกี่ยวกับสื่อก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะโดนแบบนี้หรือไม่ แต่มี ส.ส.คนหนึ่งที่มีคู่สมรสทำสื่อ แต่ไม่กลัวและไม่ต้องลุ้น แต่อีกหลายคนต้องลุ้นทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ หรือท้ายที่สุดรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) จะกลายเป็นเครื่องมือขุดคุ้ยและจับผิดนักการเมืองแทน
เมื่อถามว่า นายธนาธรจะสามารถลงสมัคร ส.ส.เขตได้หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญสามารถทำได้เพราะไม่ติดโทษห้าม แต่ตอนนี้พรรคยังไม่มีแผนในอนาคต
เมื่อถามว่า กกต.จะยื่นเรื่องดำเนินคดีทางอาญา ในคดีที่เกี่ยวกับให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน นายปิยบุตร กล่าวว่า เราพร้อมสู้คดี จะมาอีกกี่มรสุมอีกกี่ระลอกก็ว่ามา ขอร้องว่าอย่าฉายหนังม้วนนี้ซ้ำ อยากฝากทิ้งท้ายว่า เวลาจะทำอะไรให้นึกถึงประชาชนบ้างว่าเขาโอดร้องกันด้วยเรื่องอะไร
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้สาธารณชนตัดสิน เวลาศาลตัดสินอะไรจะปรากฏต่อสาธารณะ คงไม่ใช่ตนหรือนายธนาธรจะวิพากษ์วิจารณ์ แต่เป็นอำนาจของประชาชนที่เป็นผู้ทรงอำนาจที่สุดของประเทศ
