รายงานพิเศษ : ระส่ำ “เสาชิงช้า” บิ๊กกทม.วงแตก

ที่บรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาประสานเสียงการันตีว่า ความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ไม่กระทบการบริหารงานของ กทม.อย่างแน่นอนนั้น

คงกลายเป็นเพียงแค่การแก้ต่างพูดสร้างภาพทางการเมืองให้ชาวกรุงเทพฯที่วางใจเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่ลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ ให้เกิดความรู้สึกดีเท่านั้น

เพราะเวลาทอดห่างมาไม่นานผลกระทบต่อการบริหารได้ปรากฏชัดขึ้นมา

เมื่อ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ “ผู้การแต้ม” เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. โต้โผหลักในการดำเนินนโยบายจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเพื่อคืนพื้นที่สาธารณะให้ประชาชน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.

Advertisement

โดย “มือปราบหูดำ” ให้เหตุผลว่าจะไปประกอบธุรกิจของครอบครัว ประกอบกับได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการและที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานนโยบายสำคัญที่ผู้ว่าฯกทม.ได้มอบหมายในฐานะที่ปรึกษาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่องานราชการและผู้ว่าฯกทม.

ครั้นเมื่อสอบถามถึงเหตุที่แท้จริง “มือปราบหูดำ” ก็ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเพราะปัญหาภายในพรรคที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกหนักใจ ลำบากใจ ไม่รู้จะดำเนินงานตามนโยบายใคร เพราะที่มาทำงานตรงนี้เพราะได้รับโอกาสจากพรรคประชาธิปัตย์และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจยุติการทำงานในศาลาว่าการ กทม.

ซึ่ง พล.ต.ต.วิชัยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงรายเดียวที่ตัดสินใจไม่ร่วมงานกับ กทม. หลังพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ และ นายจุติ ไกรกฤษ์ เลขาธิการพรรคฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ประกาศตัดความรับผิดชอบในการบริหารงานของ กทม.กับพรรคประชาธิปัตย์

Advertisement

ส่วนผู้บริหารคนอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกพรรคฯ อาทิ นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. จากโควต้าพรรคโดยตรง ก็เป็นที่จับตามองว่าจะลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.อีกคนหรือไม่

ขณะที่ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ที่มาจากโควต้าของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังคงยืนยันว่าจะทำงานที่ กทม.ต่อไป เช่นเดียวกับ นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ซึ่งร่วมงานมาตั้งแต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม.สมัยแรก

ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และ นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯกทม. ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่ายังอยู่ในตำแหน่ง ไม่ลาออกไปไหน

ดังนั้นในเวลาที่เหลืออยู่ราวปีเศษของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์และทีมงาน ซึ่งจะหมดวาระราวเดือนมีนาคม 2560 นั้น ต้องจับตาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร กทม.อีกหรือไม่ เพราะปัญหาระหว่างพรรคฯกับ กทม. ก็ดูเหมือนจะมีผลต่อการตัดสินใจของทีมงาน

จะว่าไปแล้ว ในสมัยผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ 2 ถือว่าคณะผู้บริหารฝ่ายการเมืองทยอยลาออกมากที่สุด ไล่มาตั้งแต่ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ อดีตเลขานุการผู้ว่าฯกทม. ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 อ้างปัญหาสุขภาพ ตามด้วย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ยื่นหนังสือลาออกเป็นคนต่อมา

ซึ่งขณะนั้นบรรยากาศภายในศาลาว่าการ กทม.ต่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วว่า เกิดจากปัญหาภายในทีมงานที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ มาโดยตลอด

ถัดมา น.ส.วราพร ตระกูลชีวพานิตต์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. นายสัญญา จันทรัตน์ เลขานุการผู้ว่าฯกทม. หลานชายของ นายถาวร เสนเนียม ซึ่งถือเป็นนักกฎหมาย และ น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษก กทม. ซึ่งเป็นโต้โผเรื่องการสร้างทางจักรยาน ได้ยื่นหนังสือลาออกในเวลาไล่เลี่ยกัน

ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเกิดจากปัญหาการทำงานภายในทีมงานฝ่ายการเมืองของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่มีอย่างยาวนาน แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน จนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเฉพาะการจะเข้าพบผู้ว่าฯกทม.จะต้องผ่านทีมงานใกล้ชิดคนหนึ่งตลอดเวลา และบ่อยครั้งต้องรอเป็นเวลานาน ทำให้การปรึกษางานต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ไม่ได้เข้าพบอย่างทันท่วงที หลายคนเกิดความเบื่อหน่าย เป็นผลให้เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นทุกคนจึงนิ่งเฉย รอแค่ให้ผู้ว่าฯกทม.สั่งการลงมา หรือเรียกเข้าพบ จนนำไปสู่การตัดสินใจลาออกในที่สุด

ปัญหาข้างต้นดูเหมือนว่า พล.ต.ต.วิชัยจะได้ประสบมาเช่นเดียวกัน

แหล่งข่าวในศาลาว่าการ กทม.รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า เหตุที่ พล.ต.ต.วิชัยตัดสินใจลาออก มี 2 สาเหตุคือ 1.มีความลำบากใจในการทำงาน เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีปัญหากับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และ 2.เพราะ พล.ต.ต.วิชัยรู้สึกว่าการทำงานของ กทม.ไม่โปร่งใส ทำให้ไม่อยากทำงานอีกต่อไป และยังมีปัญหาลึกๆ กับคนใกล้ชิดผู้ว่าฯกทม.ด้วย เพราะการประสานงานกันแต่ละครั้งมักจะมีความเห็นไม่ตรงกันบ่อยครั้ง

หากอดีตผู้บริหาร กทม.ทุกคนต่างลาออกด้วยเหตุผลเดียวกันนั้นเป็นความจริง ก็น่าเสียดาย เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ดังกล่าวมากกว่าใคร คงหนีไม่พ้นประชาชนชาวกรุงเทพมหานครนี่เอง !!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image