เสวนาชี้ ‘รัฐประหาร 2490’ ทำประชาธิปไตยไทยชะงัก 80 ปีไม่มีอะไรใหม่ แก้ไม่ตกระบบอุปถัมภ์

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. เวลา 13.30 น. ที่ห้องโถงมติชนอคาเดมี มีการจัดศิลปวัฒนธรรมเสวนา หัวข้อ ‘รัฐประหาร 2490’ ดำเนินรายการโดย นายเอกภัทร์ เชิดธรรมธร

พลเอก บัญชร ชวาลศิลป์ กล่าวว่า กล่าวว่า ผลกระทบจากรัฐประหาร 2490 หลังจอมพล ป.พิบูลสงคราม ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างสมบูรณ์ ระหว่าง 2491-2494 เป็นช่วงที่มีความรุนแรงทางการเมืองอย่างมาก ทั้งการต่อต้านและการกวาดล้างผู้ต่อต้าน ทำให้บทบาทของพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ โลดแล่นชัดเจนมาก อาทิ เหตุการณ์กบฎเสนาธิการ 1 ต.ค. 2491 ซึ่งน่าสนใจที่ผู้ก่อการส่วนใหญ่เป็นนายทหารหัวก้าวหน้า โดยเฉพาะพลเอก เนตร เขมะโยธิน ดาวรุ่งกองทัพบก มีอุดมการณ์เพื่อบ้านเมือง ทำลงไปเพราะไม่พอใจคณะรัฐประหารที่เข้าไปก้าวก่ายในกองทัพบก และเริ่มแสวงหาผลประโยชน์ สุดท้ายถูกจับขึ้นศาลแล้วถูกปล่อยตัว จากนั้นเกิดกบฎวังหลวงที่ นายปรีดี พนมยงค์เป็นผู้นำ โดยการต่อสู้เป็นไปอย่างรุนแรงมาก

พลเอก บัญชร ชวาลศิลป์

ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ กล่าวว่า รัฐประหารนำอุปสรรคมาสู่การพัฒนาประชาธิปไตยไทย แสดงถึงความเหนียวแน่นและความต่อเนื่องของระบอบอำนาจนิยม และคณาธิปไตยในการเมืองไทย ยึดครองพื้นที่สังคมมาอย่างยาวนาน 80 ปีไม่มีอะไรใหม่ วาทกรรมเดิมวนเวียน ขาดการยอมรับกติการะหว่างชนชั้นนำ ผู้นำการเมืองและรัฐบาลไม่สามารถสร้างการประนีประนอม หรือเป็นพันธมิตรกันระหว่างกลุ่มต่างๆ

“ระบอบการปกครองแบบใดก็ตามไม่ว่าจะระบอบใหม่ หรือสังคมนิยม ถ้าจะทำให้มีความก้าวหน้าต่อเนื่องได้ ชนชั้นนำต้องมาจากหลายกลุ่ม จะเป็นคนกลุ่มเดียวตลอดไปไม่ได้ หรือมาจากพรรคใหญ่พรรคเดียวไม่ได้ ต้องยอมรับกติกากัน แพ้ก็ต้องแพ้ อะไรต่อรองได้ก็ต่อรองกันไป ไม่ใช่หักอย่างเดียว หรือล้มกติกา เขียนกติกาที่ตัวเองไม่ทำตาม ระบบราชการไทยจึงไม่มีเสถียรภาพ และไม่ต่อเนื่อง ถามว่าทำไมระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยจึงแก้ไม่ตก ก็เพราะโครงสร้างรองรับ ใครขึ้นมาก็เจอแบบนี้ ต่อให้สร้างซุปเปอร์ ป.ป.ช. ก็จับใครไม่ได้ นอกจากปลายแถว เราจะมีฐานเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรง ไม่สามารถผลักดันนโยบายที่มีประสิทธิภาพ” ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศกล่าว

Advertisement
ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ

เสวนาช่วงที่ 1

เสวนาช่วงที่ 2

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image