‘วันนอร์’ชู’พหุวัฒนธรรม’สร้างพรรค ลุยแก้รธน. ‘ทวี’ แฉมี ‘รมต.’ กว้านซื้อที่ก่อนผุด’อีอีซี’

‘วันนอร์’ชู’พหุวัฒนธรรม’สร้างพรรค ปช. ซัดรธน.ไม่เป็นปชต. ยันเดินเครื่องแก้ไข ฉะรัฐบาลกู้เงินมาแจก-เที่ยวคิดได้ไง ‘ทวี’ แฉมี ‘รมต.’ กว้านซื้อที่ก่อนผุด’อีอีซี’

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ(ปช.)เป็นประธานเปิดการ สัมมนา เรื่อง “การเมืองระบอบประชาธิปไตยกับสังคมพหุวัฒนธรรม” พร้อมปาฐกถา เรื่อง “อดีต ปัจจุบันและอนาคตของสังคมไทยในสังคมพหุวัฒนธรรม’ ว่า พรรค ปช.ต้องการเน้นย้ำว่า พรรคการเมืองอาจมีไม่กี่พรรคหรือมีพรรคเดียวที่จะรวมคนทุกชาติพันธุ์ ทุกศาสนา ทุกวัฒนธรรม ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในไทยคุณคือคนไทยภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีสิทธิมีเสียงเท่ากันคนไปทุกคน แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ความเสมอภาค สิทธิและเสียงบางทีถูกคนชนชั้นปกครองมองว่าไม่เท่ากันชาติพันธ์ุนั้นเหนือกว่าชาติพันธ์ุอื่น ภาษาและถิ่นที่อยู่นั้นสูงกว่าและถิ่นที่อยู่อื่นต่ำต้อยกว่า สิ่งเหล่านี้สร้างความไม่เป็นธรรม พรรคปช.ต้องการสร้างสังคมที่เข้มแข็งด้วยคนหลายชาติพันธุ์ หลายศาสนา หลายภาษา และมีส่วนร่วมในการการเมืองอย่างเท่าเทียมกันอยู่กันด้วยความรักและความเข้าใจกัน ถึงแม้พรรค ปช.จะสร้างยาก โตช้า แต่เราต้องการโตท่ามกลางความรัก ความสมานฉันท์ของคนในประเทศนี้ไม่เหลือแม้แต่ชาติพันธุ์เดียว การสร้างความเข้าใจมันสร้างยากกว่าสร้างความแตกแจก เราต้องยอมรับการพูดให้คนแตกแยกให้คนเกลียดชังกันให้คนทะเลาะกันมันพูดไม่กี่คำ เช่น ในรัฐสภาพูดไม่กี่คำก็ทะเลาะกันตลอด การจะสร้างให้คนอยู่ร่วมกันร่วมพลังกันสร้างชาติต้องใช้เวลาและต้องมีความอดทน พรรคปช.ต้องการสร้างสิ่งเหล่านี้ในสังคมประชาธิปไตย

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วเป็นภาระหน้าที่ของพรรคปช.ทั้ง 7 คนที่ต้องทำงานเพื่อเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยขอยืนยันพี่น้องประชาชาติพักหรือว่าภาคเหนือเราจะทำหน้าที่เพื่อเป็นปากเสียงแทนคนทุกภาค นำปัญหาของท่านทั้งหลายเข้าไปเข้าไปสู่สภาเพื่อแก้ไขถึงแม้พรรคปช.จะเป็นพรรคเล็กแต่เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง ใช้กฎข้อบังคับใช้กฎหมาย นำเสนอแก้ปัญหาในสภาไม่น้อยกว่าพรรคใหญ่และได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกในสภาเป็นอย่างดีรสิ่งที่พูดในสภาประชาชนเข้าใจและต้องการความจริงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยกลั่นกรองและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ประเด็นปัญหาใหญ่ของประเทศเราในขณะนี้ที่เป็นภาระผูกพันเมื่อช่วงหาเสียงวันนี้ถึงแม้เราจะบอกว่าเรามีการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็ตามแต่คนทั่วไปประจักษ์ รัฐธรรมนูญ60 ไม่เป็นประชาธิปไตยมากมายมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็นและยังสืบทอดอำนาจของเผด็จการอีกมากมาย พรรคปช.และคนอื่นที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยต้องร่วมมือกันแก้ไข

“โดยวันพุธที่จะถึงนี้ญัตติที่นำเสนอเรื่องขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหาทางแก้ไขให้ประเทศชาติประชาธิปไตยได้สู้ได้เข้าสู่การพิจารณาเพื่อให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย 2. ปัญหาปากท้องของประชาชนวันนี้เราได้รัฐบาลที่ไม่ควรเป็นรัฐบาลที่มาแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนได้ ถึงแม้จะบอกว่ามาบริหารไม่ถึงหนึ่งปีแต่ความจริงบริหารต่อเนื่องมาห้าปีแล้วมีแต่เศรษฐกิจตกลง ในฐานะที่เป็นกรรมาธิการงบประมาณดูแล้วก็สิ้นหวังว่าประเทศชาติจะเดินไปยังไงถ้าเป็นคนหรือกิจการบริษัทก็รอวันล้มละลาย เพราะงบประมานห้าถึงหกปีที่ผ่านมาขาดดุลรายจ่ายมากกว่ารายรับ แต่ละปีเกือบ 5 แสนล้านบอกไปแค่ใช้หนี้ก็ไม่พออยู่แล้ว หากยังเป็นรัฐบาลต่อก็จะกู้เงินอีกเรื่อยๆ แต่ถ้ากู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทำให้ประเทศพัฒนาประชาชนมีกิน มีการศึกษาที่ดีก็ไม่เป็นไร แต่กู้เงินมาเพื่อแจกเงิน กู้เงินมาเพื่อไปเที่ยวคิดได้อย่างไร หากประเทศมีเงินเหลือเก็บภาษีได้เยอะเศรษฐกิจดีส่งออกดีจะแจกเงินเท่าไหร่ก็ได้ และในเดือนธันวาคมจะยื่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี่คือหน้าที่ของพรรคประชาชาติที่กำลังดำเนินการ’หัวหน้าพรรคปช.กล่าว

Advertisement

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค ปช. กล่าวว่า วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าภาษีที่นำมาใช้บริหารประเทศจากคนยากคนจนมากกว่าคนรวย และอีกส่วนหนึ่งที่นำสัตว์มาใช้บริหารประเทศคือการกู้เงินและมีดอกเบี้ย การแก้ไขปัญหาจากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มาสู่รัฐบาลปัจจุบัน แม้จะมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ก็ถูกมองว่าเอาใจคนรวย

โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) โครงการดูเหมือนดีแต่ถามว่าใครได้ประโยชน์ ขอยกตัวอย่างมีรัฐมนตรีท่านหนึ่งไปเป็นประธานที่ปรึกษาบริษัทมีที่ดินอยู่ 1 หมื่นกว่าไร่ ช่วงที่ตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.)หลังการปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ให้ที่ปรึกษาคนนี้มาเป็นรัฐมนตรี  โดยบริษัทที่เขาเป็นประธานที่ปรึกษาได้ไปกว้านซื้อที่ดิน 1.4 หมื่นไร่ ราคาไร่ละไม่เกิน 1 ล้าน ให้ค่าในหน้า 5 อสนโดยที่ดินนั้นเมื่อเร็วๆนี้ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่สีม่วงคือให้ทำโรงงานอุตสากรรมได้ ทำให้ที่ดินที่ซื้อ 1.4 หมื่นไร่ขายไร่ละ 11 ล้าน กำไรทันที 9.5 ล้าน ดังนั้นการที่คุณมีตำแหน่งในครม. เป็นบอร์ดอีอีซีทำให้รวยทันที 1.3 แสนล้าน คือสิ่งที่มากับอำนาจรัฐสามารถจะเอื้อประโยชน์ถามว่าอีอีซีคนเชียงใหม่ได้ประโยชน์ รถไฟความเร็วสูงเราเห็นด้วยกับการพัฒนาแต่การเชื่อมแค่สามสนามบิน นำแอร์พอร์ตลิ้งก์นำไปให้บริษัทที่รวยไปพัฒนานี่คืออำนาจของรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image