อาจเพราะมีความมั่นใจในจำนวน 116 ส.ส.ที่อยู่ในมือ อาจเพราะมีความมั่นใจในจำนวน 250 ส.ว.ที่มีอยู่ในมือ
ท่วงทำนองของพรรคพลังประชารัฐจึงค่อนข้างหักหาญ
สัมผัสได้จากความพยายามกดดันและเสาะหาทุกวิถีทางที่จะปลดประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ
จากการที่ส่งหัวหมู่อย่าง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ นายสิระ เจนจาคะ เข้าไปทะลวงปะฉะดะ
และอีกจังหวะก้าวหนึ่งก็คือความพยายามรวบหัวรวบหางจัดตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
เพื่อตัดวงจรมิให้มีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร
เหมือนกับที่มีการออกมาโวยวายจากพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเสียงจิ๊บจ๊อยน้อยเล็ก เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีอยู่เพียง 53 เสียงเท่านั้น หากเทียบกับ 116 ของพรรคพลังประชารัฐ
แต่ 1 ก็สะท้อนความมุ่งมั่นเอาจริงของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่อง ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
และ 1 ความมุ่งมั่นในการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แม้ 53 เสียงจะน้อยอย่างชนิดครึ่งต่อครึ่งเมื่อเทียบกับ 116 เสียง ในมือของพรรคพลังประชารัฐ แต่จำนวนนี้ก็มีน้ำหนักไม่น้อยหากเกิดปฏิกิริยาไม่พอใจ
อย่างน้อยก็ทำให้ 251 เสียงที่เคยขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน มีอันต้องโหว่และเกิดภาวะสั่นคลอนภายในรัฐบาลได้
หากว่าพรรคพลังประชารัฐจะมองเมินเหมือนไม่มีความหมาย
ระยะ 1 เดือนหลังของ 5 เดือนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหลายตัวอย่างอันสะท้อนระยะห่างที่เริ่มห่างออกไปของ 251 เสียงที่เคยขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
1 ความหงุดหงิดของพรรคภูมิใจไทยจากบทบาทของสื่อ”พลังประชารัฐ”ในการขุดคุ้ยโจมตีกระทรวงคมนาคม
อันเป็นการกระหน่ำในลักษณะ “ตีเมืองขึ้น”
1 ความหงุดหงิดของพรรคประชาธิปัตย์จากอาการสะเปะสะปะและกร่างของหัวหมู่ทะลวงฟันของพรรคพลังประชารัฐ
เป็นความหงุดหงิดของ 53+51 พรรคร่วมรัฐบาล
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่