อย่างที่ว่ากันว่า ประชาธิปไตยที่แท้ไม่ใช่มีแค่การเลือกตั้ง เพียงแต่การเลือกตั้งเป็นกลไกสำคัญหนึ่งที่ช่วยลดความขัดแย้งและช่วยหาทางออกได้
ดูอย่างที่ฮ่องกง บรรยากาศสองสามวันมานี้ผ่อนคลายลง เพราะมีการเลือกตั้ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. แม้เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นแต่ก็ช่วยสะท้อนเสียงสำคัญในช่วงเวลาตึงเครียดได้
การเลือกตั้งดังกล่าวสร้างความฮือฮาตั้งแต่ประชาชนออกมาใช้สิทธิจำนวนมากจนสร้างสถิติใหม่เกือบ 3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.2 ของผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ
เนื่องจากเป็นการแข่งขันเข้มข้นเร้าใจ ระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลจีนที่อยากสะท้อนเสียงประชาชนที่ไม่พอใจความวุ่นวายทางการเมืองจากการประท้วงยืดเยื้อมาถึงเดือนที่ 6
กับฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย ที่อยากเพิ่มจำนวนเก้าอี้ในสภาท้องถิ่นให้ได้มากๆ จะได้มีผลต่อการเลือกผู้นำฮ่องกงในอนาคต
แม้ว่าดาวดังของฝ่ายหนุนประชาธิปไตยอย่าง โจชัว หว่อง ลงสมัครไม่ได้เพราะถูกตัดสิทธิ แต่ไม่ได้สะเทือนแนวร่วมของฝ่ายนี้มากนัก
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
กลุ่ม pro-democracy ขอความร่วมมือจากแนวร่วมเว้นวรรคการประท้วง
ปล่อยให้คนไปใช้สิทธิกันได้สะดวก หวังให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ส่งข้อความถึงรัฐบาลฮ่องกงและรัฐบาลจีน ว่าชาวฮ่องกงต้องการการปฏิรูปการเมือง
ปรากฏว่าผลออกมาเป็นไปตามที่ฝ่ายหนุนประชาธิปไตยรณรงค์
ผู้สมัครฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยคว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ ครองเสียงส่วนมากใน 17 เขตจากทั้งหมด 18 เขต ได้ที่นั่งในสภาท้องถิ่นไปมากถึง 389 ที่นั่ง จากเดิมแค่กว่า 100 ที่นั่ง
ส่วนผู้สมัครฝักใฝ่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ได้ 57 ที่นั่ง ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่มีถึง 243 ที่นั่ง ผิดจากที่รัฐบาลคาดหมายว่า การใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ประท้วงที่เพิ่มขึ้นในช่วงการประท้วงยืดเยื้อสู่เดือนที่ 6 จะส่งผลเสียต่อผู้สมัครฝ่ายค้านเอง
เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาสะท้อนเสียงชัดขนาดนี้ ผู้นำฮ่องกง นางแคร์รี หล่ำ จึงประกาศเคารพการตัดสินใจของประชาชน และยอมรับว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์และปัญหาสังคมที่ฝังรากลึก
ดังนั้นจะนำการตัดสินใจของชาวฮ่องกงมาพิจารณาทบทวนอย่างจริงจัง
ผู้ติดตามข่าวนี้ในไทยแลนด์ เห็นความเคลื่อนไหวเหล่านี้แล้วก็คงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเรามีเลือกตั้งท้องถิ่นเยอะๆ ก็คงจะได้แสดงเสียงไปถึงรัฐบาลและองค์กรทางการเมืองแบบอัพเดตมากขึ้น
นับจากการเลือกตั้งทั่วไป 24 มีนาคม 2562 ได้สูตรการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แนวอินดี้ จนได้เลิกคิ้วกันหลายรอบ และเป็นที่มาของการเกาะกลุ่ม 7 พรรคฝ่ายค้านที่ไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาล เพราะถึงอย่างไรการโหวตเลือกนายกฯ ต้องรวมเสียง ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งด้วย สุดท้ายไทยแลนด์จึงได้ผู้นำคนเดิมจากยุค คสช. ส่วนหัวหน้าพรรคดาวรุ่งถูกตัดสินพ้นสภาพการเป็น ส.ส.ไปตามความคาดหมาย
หากมีการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากๆ ไม่ซับซ้อน และสะท้อนเสียงชาวบ้านได้ชัดเจนก็คงจะดี
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์