ไพบูลย์-เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา เกียกกาย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ได้รับเลือกให้เป็น กมธ.พิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ว่าส่วนตัวยินดีที่จะเข้ามาเป็น กมธ.ตามสัดส่วนของ ครม. โดยมีความตั้งใจ และสนใจในการทำภารกิจของรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐให้ลุล่วง และพร้อมจะรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด สำหรับตำแหน่งประธาน กมธ.นั้น ส่วนตัวยังไม่ขอออกความเห็น เพราะเวลานี้ยังไม่ได้มีการประชุมร่วมกัน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับ กมธ.ทั้ง 49 คน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตำแหน่งประธาน กมธ.เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ กมธ.เท่านั้น เช่น ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม แต่การทำงานทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเห็นของ กมธ.ที่เหลือ ส่วนข้อวิจารณ์ว่า หากตนได้เป็นประธาน กมธ.โอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปได้น้อยนั้น ตนคิดว่า กมธ.ทุกคนมีความเห็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่างกันอยู่แล้ว แต่โดยส่วนตัวมีความเห็นว่า มีรัฐธรรมนูญบางมาตราที่จะต้องแก้ไข เช่น มาตรา 185 (1) ว่าด้วยการห้ามไม่ให้ ส.ส.เข้าไปแทรกแซงส่วนราชการโดยไม่มีข้อยกเว้น การมีมาตราดังกล่าวทำให้เวลาที่ ส.ส.ได้รับความเดือดร้อนของประชาชน ไม่สามารถประสานงานกับส่วนราชการได้โดยตรง เพื่อแก้ไขปัญหา เนื่องจากเกรงว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการแก้ไข
เมื่อถามถึงกรณีที่ไม่มีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็น กมธ. นายไพบูลย์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้ที่มีความรู้เป็นอย่างดี ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นกรรมาธิการ แต่หากไม่ได้มาร่วม ก็มั่นใจว่ากรรมาธิการทั้ง 49 คน ได้รับการเลือกสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว ย้ำว่าประธานกรรมาธิการต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล ส่วนกรณีพรรคอนาคตใหม่จะเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าเป็น กมธ.นั้น ตนไม่ขัดข้อง เพราะถือเป็นบุคคลที่ศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอด จึงมีความเหมาะสมที่จะเข้ามาทำหน้าที่ และจะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของคณะ กมธ.
